คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย

อีก 14 เดือนข้างหน้าคนอเมริกันก็จะออกมาจ้างพนักงานคนสำคัญที่สุดคนใหม่ ที่มีตำแหน่งอันแสนสวยหรู โดยเรียกและขนานนามตำแหน่งนี้กันว่า “ประธานาธิบดี” กันอีกครั้งหนึ่ง

โดยการกลั่นกรองเลือกสรรพนักงานคนใหม่ของสหรัฐฯ นับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะพนักงานคนนี้จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษ จะต้องมีประสบการณ์ และจะต้องมีอายุอย่างน้อย 35 ปีขึ้นไป!!!

อย่างไรก็ตามขณะนี้มีผู้สนใจยื่นใบสมัครเข้ารับใช้ในตำแหน่งนี้แล้ว 15 คน ซึ่งจะต้องทำงานรับใช้นาน 4 ปี โดยผู้ที่มีสิทธิ์จะคัดเลือกและตัดสินใจตำแหน่งนี้ก็คือ “คนอเมริกัน” นั่นเอง

และถึงแม้ว่าตำแหน่งดังกล่าวแสนจะยากที่จะได้มาไว้ในครอบครอง แต่เนื่องจากมีสิ่งล่อตาล่อใจอย่างมากมาย ดังนั้นผู้สมัครทุกๆคนจะต้องใช้ความพยายามที่มีอยู่ในตัวทำการดิสเครดิตขัดแข้งขัดขาคู่แข่งขันที่จะเข้ามาร่วมสมัคร ที่มีทั้งโจมตีสาดโคลนปั้นน้ำเป็นตัว จนผู้ทำการคัดเลือกเห็นด้วยไม่สนใจไยดีต่อคู่ต่อสู้!!!

และหากใครก็ตามได้รับชัยชนะคว้าตำแหน่งนี้ไปครอบครองก็จะมีค่าตอบแทนหลายๆอย่างนอกเหนือจากจะได้รับอิทธิพลและบารมีแล้ว ก็ยังจะได้รับรายได้ประจำสูงถึง 400,000 ดอลลาร์ต่อปี บวกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก 50,000 ดอลลาร์ต่อปี และยังมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มให้อีก 100,000 ดอลลาร์ และแถมยังให้ค่าใช้จ่ายในการเอ็นเตอร์เทนเลี้ยงรับรองแขกเหรื่ออีก 19,000 ดอลลาร์ต่อปี และเมื่อพ้นออกจากตำแหน่งนี้ก็ยังได้รับเงินบำนาญ 200,000 ดอลลาร์ต่อปี เรื่อยไปจนกว่าชีวิตของพนักงานตำแหน่งนี้หามีไม่แล้ว

อนึ่งจากการสำรวจของสำนักข่าวเอพี เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2023 ออกมาเปิดเผยถึงความนิยมของผู้ยื่นสมัครที่กำลังเป็นตัวเต็งอยู่ในจิตใจของคนอเมริกันสองคนนั่นก็คือ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน”และ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”

โดยคนอเมริกันส่วนใหญ่ 26% ต่างคิดกันว่า ขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน“แก่”และคนอเมริกันอีก 15% ก็คิดว่าเขากำลังเริ่ม “สับสน”

อนึ่งเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2023 ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้ นักเขียนผู้มีนามกรว่า“แฟรงคลิน โฟเออร์” ที่เขาได้จดปากกาเขียนเกี่ยวกับชีวประวัติของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในหนังสือที่มีชื่อว่า “The Last Politician:  Inside Joe Biden’s White House and the Struggle for America’s Future” โดยหนังสือพิมพ์ “เดอะ การเดียน” ได้นำเอาส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้มานำเสนอตอนหนึ่งว่า “ไม่แปลกใจเลย หากประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะถอนตัวออกจากการแข่งขัน”

ทั้งนี้แฟรงคลิน โฟเออร์ ได้เขียนชีวิตทางแวดวงการเมืองของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยาวถึง 407 หน้า ที่มีเนื้อหาว่า “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มั่นใจที่จะเดินหน้าเพื่อหวังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีกสี่ปี”

และผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ได้ระบุว่า “อายุของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นอุปสรรคในการรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง” โดยเขาเขียนว่า “เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนใช้เวลาประชุมในช่วงเช้าน้อยมาก”

อีกทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ยังออกมากล่าวยอมรับกับคนใกล้ชิดว่า “โดยส่วนตัวแล้วผมต้องยอมรับว่า บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อย”

และเมื่อวันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2023 “หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีทเจอร์นัล” ได้ทำการสำรวจและเปิดเผยออกมาว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่คิดว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาวุโสเกินไปที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัยมีเพียง 39% เท่านั้น ที่มีทัศนคติที่ดีต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน!!!

สำหรับมุมมองที่ดีที่คนอเมริกันมีต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน เกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ขณะนี้มีความแข็งแกร่งที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ

และในทางกลับกันคนอเมริกัน 15% คิดว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนขี้โกง มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ซื่อสัตย์ เชื่อถือไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าคนอเมริกันโยงเกี่ยกับการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตั้งข้อหาถึง 91 กระทงจากคดีทั้งหมดถึงสี่คดีด้วยกัน

จากการสำรวจของสำนักข่าวเอพีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2023  “จัสติน แคมป์เบลล์” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รัฐมิสซิสซิปปีวัย  27 ปี ผู้ที่เป็นฐานเสียงสนับสนุนพรรคเดโมแครต พูดเกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่า “ทำตัวเหมือนเด็กอนุบาล” โดยกล่าวแบบประชดประชันให้ประธานาธิบดีทรัมป์ไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับนโยบายและความมั่นคงให้มากขึ้น และยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ข้าพเจ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะเห็นโดนัลด์ ทรัมป์ เดินเข้าไปอยู่ในคุก”

โดยทั่วไปมีคนอเมริกันเพียงแค่ 10% ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนในทางลบ และส่วนใหญ่เรื่องที่ถูกกล่าวอ้างบ่อยๆก็มักจะเป็นแค่เพียงเรื่องอายุอานามของเขาเท่านั้น

โดยขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีอายุ 80 ปีและอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ มีอายุ 77 ปี

และจากผลการหยั่งเสียงของ “หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์” ล่าสุดได้เปิดเผยว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และคะแนนนิยมของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะนี้มีเท่าๆกันอยู่ที่ 43%  ส่วนที่เหลืออีก 14% ปรากฏว่าเป็นของฝ่ายอิสระที่ยังไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง

และยังมีเรื่องที่น่าแปลกอีกว่า คนอเมริกันถึง 25% ยังไม่ทราบว่าขณะนี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กำลังโดนข้อหา 4 คดี 91 กระทง

โดยคนอเมริกันถึง 62% ออกมากล่าวว่า ไม่ต้องการที่จะลงคะแนนเสียงให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ และยังมีคนอเมริกันถึง 52% ที่ไม่ต้องการที่จะลงคะแนนเสียงให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ด้วยเช่นกัน

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งว่าเพราะเหตุใดและทำไม?คนอเมริกันจึงมิค่อยให้เครดิตแก่ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” เท่าที่ควรทั้งๆที่ขณะนี้จำนวนของคนว่างงานในสหรัฐฯลดลงเหลือแค่เพียง 3.5% โดยวันสุดท้ายที่ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”ก้าวออกจากตำแหน่ง ครั้งนั้นจำนวนของคนว่างงานอยู่ที่ 6.4% และคนอเมริกันก็ยังให้คะแนนการทำงานด้านเศรษฐกิจแก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแค่เพียง 20%เท่านั้น  โดยคนอเมริกันถึง 49% กล่าวว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้ไม่ได้ ทั้งๆที่เขาสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ลดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ดูๆไปแล้วช่างแสนจะตรงกันข้ามกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ขณะนี้กำลังโดนข้อหาคดีอาญาไป 91 กระทง แต่คะแนนนิยมของเขากลับพุ่งสูงขึ้น แถมยังมีผู้บริจาคเงินให้อย่างล้นหลามหลายล้านเหรียญอีกด้วยละครับ