ตร.เปิดเซิร์ฟเวอร์ดูภาพ "วงจรปิด" บ้าน "กำนันนก" วันงานเลี้ยงเลือดแล้ว เผยหลังลั่นไกวงปาร์ตี้วิ่งแตกกระเจิง ตำรวจลุยค้น 3 บริษัท เอี่ยวตกแต่งบัญชีให้ธุรกิจเครือกำนันนก เชิญตัว นายแบงก์ เจ้าของบริษัทคู่เทียบกำนันนกให้ปากคำ หลังถูกตั้งข้อสังเกตอาจมีการฮั้วประมูล ขณะที่ "บช.ก."เซ็นโยก 4 ตำรวจ รักษาการ"ทางหลวง 2" หลัง"ผกก.เบิ้ม-สารวัตรแบงค์"เสียชีวิต

 เมื่อวันที่ 14 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) พร้อมทีมพิสูจน์หลักฐาน นำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด เหตุการณ์ภายในสำนักงานบ้านของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก วันเกิดเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.  เสียชีวิต มาส่งมอบให้คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีที่ตำรวจภูธรภาค 7 แล้ว เมื่อมาถึงมีการเปิดดูพร้อมกัน และชุดคลี่คลายคดีต่างร่วมกันมุงดูและวิเคราะห์ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล้องวงจรบริเวณที่สำนักงานกำนันนกมีทั้งหมด 15 ตัว เป็นบริเวณจัดงานทั้งหมด 13 ตัว ส่วนอีก 2 ตัว เป็นภาพที่เห็นพฤติการณ์ของบุคคลที่อยู่ภายในงาน หลังเกิดเหตุว่ามีการวิ่งหนีแตกกระเจิง

 วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม มอบหมายให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ,พ.ต.อ.ปทุกข์ ขวัญนา ผกก.5.บก.ป. นำกำลังตำรวจบก.ป.บก.ปอศ. ,บก.ปอท. และบก.ปปป. เข้าตรวจค้นบริษัทบัญชี และบ้านพนักงานทำบัญชีรวม 3 เป้าหมาย ในพื้นที่อ.เมืองนครปฐม

 สำหรับการตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ก. ได้สืบสวนเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเรื่องบัญชีรายรับ-รายจ่าย การส่งงบดุล รวมทั้งการเสียภาษี บริษัทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก จนพบเบาะแสว่าบริษัทของกำนันนก มีการจ้างให้บริษัทบัญชี และพนักงานบัญชีอีก 2 คน ในอ.เมืองนครปฐม จัดทำรายการบัญชีดังกล่าวให้ทาง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. จึงสั่งให้พนักงานสอบสวนกก.5.บก.ป. ขอหมายศาลเข้าตรวจค้น 3 เป้าหมาย เพื่อตรวจหาหลักฐานในเรื่องการฮั้วประมูล และการเสียภาษี 

 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ทีมสอบสวน คลี่คลายปมคดียิงสารวัตรแบงก์ ตำรวจทางหลวงนครปฐม ได้เชิญตัวนายแบงก์เจ้าของบริษัท สิงห์ชัย เค.พี.เอส. จำกัด ซึ่งเมื่อวานนี้ถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้น หลังมีข้อมูลว่าเป็นบริษัทคู่เทียบที่ยื่นประมูลงานแข่งกับกำนันนก โดยถูกตั้งข้อสังเกตอาจมีการฮั้วประมูลกันหรือไม่ เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ตำรวจภูธรภาค 7

 หลังออกจากห้องเพื่อให้ปากคำเสร็จแล้ว นายแบงก์ เล่าว่า วันนี้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม และไม่ได้มีความกังวลใจอะไร ยืนยัน ไม่ได้เป็นเครือข่ายเดียวกับกำนันนก โดยมีประเด็นว่า นายแบงก์เป็นหนึ่งในคนสนิทของกำนันนก และอาจจะมีรายชื่อที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุซึ่งต้องรอภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ส่งมาถึงที่ตำรวจภูธรภาร 7 แล้ว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ที่เดินทางไปราชการต่างประเทศ ลงนามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 246/2566 ให้ พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.กลุ่มงานถวายความปลอดภัย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ไปรักษาราชการแทน ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ผกก.2 บก.ทล.) ควบคู่อีกตำแหน่ง เช่นเดียวกับให้ พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.6 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) รักษาราชการแทน รองผู้กำกับการ 2 ตำรวจทางหลวง (รอง ผกก.2 บก.ทล.) และ พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สารวัตรกองกำกับ 5 กองบังคับการตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (สว.กก.5 บก.ปคม.) รักษาราชการแทนตำแหน่ง สารวัตรกองกำกับการ 2 ตำรวจทางหลวง สว.กก.2 บก.ทล. อีกตำแหน่ง

 พร้อมกันนี้ในคำสั่งดังกล่าวยังให้ พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สว.กก.2 บก.ปอท.) ไปปฏิบัติหน้าที่ใน ตำแหน่ง สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 ตำรวจทางหลวง (สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมาเป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

 ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. หรือ ผกก.เบิ้ม และ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. หรือ สารวัตรแบงค์ คนเก่าที่เสียชีวิตไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้การบริหารจัดการและดำเนินการต่างๆ ในองค์กรสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยนายตำรวจที่ย้ายไปใหม่นั้นนับเป็นตำรวจในสายของพล.ต.ท.จิรภพที่ไว้วางใจ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังเข้าพบผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการฮั้วประมูลโครงการฯ ของ นานประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก หลังตรวจสอบพบว่ากำนันนก มีเครือข่ายธุรกิจที่เข้าไปรับงานจัดซื้อจัดจ้าง จากหน่วยงานภาครัฐตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุปันรวม 1,544 โครงการ ในวงเงินงบประมาณกว่า 7.5 พันล้านบาทว่า จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาร่วมกันประกอบด้วย ตำรวจ, สำนักงานตรวจเงินแผ่น กรมสรรพยากร กรมบัญชีกลาง, สำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท.โดยจะมีการประชุมร่วมกันในวันอังคารที่ 19 กันยายน เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อแบ่งหน้าที่ว่าใครจะตรวจสอบประเด็นไหนบ้าง เช่น ตรวจเรื่องฮั้วประมูล และการประมูลโดยผิดกฎหมาย เรื่องการเลี่ยงภาษี และเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย เส้นทางการเงิน และข้อมูลในสาระบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งงานที่ประมูลทั้งหมดมีมากกว่า 1,500 งาน ที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบว่าการดำเนินงานทุกอย่างถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าผิดก็จะต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันว่าการร่วมกันหลายหน่วยงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโปร่งใส เพราะหากตรวจสอบเพียงหน่วยงานเดียวจะเกิดข้อกังขาได้

 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่าหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการฮั้วประมูลก็จะต้องตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ยืนยันว่าการตรวจสอบไม่ยาก พร้อมระบุโครงการของกำนันนก ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีการร้องเรียน เพราะไม่มีใครกล้าร้องเรียน แต่หากดำเนินการตรวจสอบก็จะพบหมดว่าใครเสียผลประโยชน์ใครถูกข่มขู่ทำร้ายก็จะทราบหมดเช่นกัน

 ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่าในส่วนของ วงจรปิดบ้านกำนันนก ทราบว่าทาง สพฐ.ตร.ได้กู้ไฟล์หมดแล้วและได้หลักฐานครบชัดเจน100% โดยในเวลา19.00น.วันนี้ตนเองจะเดินทางไปประชุมที่ ภ.7 และแถลงข่าวในเวลาประมาณ 20.00 น.