เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 14 ก.ย. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ปรับจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็นสองรอบ ว่าปัจจุบันมีการจ่ายเงินเดือนเดือนละหน แต่การแบ่งจ่ายสองหนจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระสำหรับคนที่มีหนี้สินสามารถจ่ายหนี้สินคืนได้เร็วขึ้น คนที่เป็นหนี้ก็สามารถหักจ่ายเป็นสองงวดได้ และสามารถจัดสรรได้ ซึ่งความจริงแล้วมีบางคนบอกว่าเป็นเรื่องของกระแสเงินสดที่รัฐบาลมีปัญหา แต่ความจริงไม่ใช่เลย หากแบ่งจ่ายสองรอบทีละครึ่งเดือนทุกวันที่ 15 และสิ้นเดือน ส่วนถ้าใครไม่มีหนี้ ก็สามารถนำเงินไปลงทุนทำประโยชน์อื่นหรือฝากธนาคารได้
“ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขอให้เป็นทางเลือก ก็จะมีแต่เสมอตัวกับดีขึ้น ผมเข้าใจว่าการที่เราเสนอทางเลือกใหม่ ก็มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แต่รัฐบาลเราบริหารจัดการประเทศโดยที่มีขีดงบประมาณจำกัด เราต้องคำนึงถึงทุกๆ มิติ ของการออกแต่ละนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สิ่งใดที่ไม่เป็นภาระงบประมาณ เพราะเรื่องนี้อันที่จริงก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นแค่โปรแกรมใหม่ที่จะจ่ายเงินอย่างไรเมื่อไร ซึ่งเราคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังอยู่ด้วยเหมือนกัน มีหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เพิ่งเข้ามาทำงาน ก็อาจจะมีปัญหาภาระทางการเงิน และต้องมีการแบ่งจ่ายชักหน้าไม่ถึงหลังก็เท่านั้น ซึ่งกรมบัญชีกลางจะทำเป็นออฟชั่นให้เลือกว่าจะเอาแบบไหน เพราะฉะนั้น ผมว่าตรงนี้ใจเย็นนิดหนึ่ง” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวรัฐบาลได้ทำการศึกษามาก่อนหน้านี้โดยละเอียดแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ มีการเรียนถามไปแล้วกับข้าราชการทุกระดับ คุยหมด และถามหมด ตนก็หวังว่าบริษัทแต่ละบริษัทก็น่าจะลองเอาไปเป็นทางเลือก ตนขอใช้คำว่า ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดี
เมื่อถามว่า หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมาอย่างมาก นายเศรษฐาและรัฐบาลพร้อมที่จะปรับ แนวทางเลือกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า เป็นทางเลือก คือแบ่งจ่ายสองหน หรือจ่ายทีเดียวก็ได้เพราะทางเลือกเป็นทางเลือกที่ดี หากใครไม่ชอบก็ใช้อย่างเดียวก็ได้ หรือใครอยากจะจ่ายสองหนก็ได้ มีแต่ดีขึ้นกับเสมอตัว ถ้าใครไม่ชอบก็เอาแบบเก่า ถ้าใครจะจ่ายสองหน ก็สามารถทำได้ อย่างเช่น หนี้ครูก็สามารถแบ่งจ่ายสองหนได้ โดยสามารถพูดคุยได้กับสถาบันทางการเงิน เพราะเขาต้องการเพียงแค่หนี้คืน ส่วนจะจ่ายอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ เพราะทุกคนทราบดีว่าพี่น้องประชาชนประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ และกระแสเงินสด ซึ่งเราก็คิดให้และทำมาให้ ส่วนเรื่องผล ตอบแทนที่สูงขึ้นนั้น ก็เป็นแผนระยะยาวของเรา หากมีความพร้อมก็จะแถลงอีกครั้ง
เมื่อถามว่า เหมือนนายเศรษฐาจะหวังดี แต่กระแสที่ออกมากลับตรงกันข้าม นายเศรษฐา จะทำอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า “สู้ต่อครับ ไม่มีอะไรครับ เพราะทราบอยู่แล้วว่า การออกนโยบายอะไรออกไป ก็ต้องมีทั้งกระแสลบ และกระแสบวก”
เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับใหม่ โดยปรับเป็นการไปเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ นายเศรษฐา ยิ้มและกล่าวว่า “อ่า ก็อย่างเมื่อกี้ที่ผมบอกไปว่า เป็นแผนระยะยาว แต่ก็ต้องดูโดยองค์รวมทั้งหมดของข้าราชการที่เกษียณ และที่เข้ามาใหม่ว่าเป็นอย่างไร”
เมื่อถามอีกว่า แสดงว่ามีแผนอยู่ในใจว่าจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนขอเรียนว่า ถ้าหากพร้อมแล้วจะแถลง ไม่ต้องห่วง เรื่องของปากท้องข้าราชการทุกภาคส่วนอยู่ในใจของครม.ชุดนี้อยู่แล้ว แต่หากเกิดว่าตนพูดอะไรไปเดี๋ยวจะมีการเข้าใจผิดอีก ขอให้พร้อมดีกว่า แล้วจะจัดการให้ เข้าใจดีว่าทุกภาคส่วนเดือดร้อนการประชุมครม.นัดแรก เราก็พยายามที่จะเข็นนโยบายดี ส่วนรายละเอียดระยะเวลาก็จะตามมา ซึ่งสื่อมวลชนก็ถามตลอดเวลาว่า เท่าไร เมื่อไร และอย่างไร ตนก็พยายามที่จะให้มีภาวะสมดุลระหว่างการที่จะแถลงนโยบายออกไป เพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ครบถ้วนบางทีก็ถูกตำหนิ จึงต้องบาลานซ์ตรงนี้ให้ได้เหมือนกัน ตนก็พยายามอยู่ ไม่ได้เป็นห่วงอะไร อยากทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคน และคนหมู่มาก มีความสุข และนโยบายโดนใจทุกคน
เมื่อถามว่า นายเศรษฐายังไม่ท้อใจใช่หรือไม่ ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า “คนชมก็มีเยอะนะครับ แต่ก็อย่างว่าผมต้องฟังทุกเสียงทั้งติทั้งชม เพราะเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว เสียงบางเสียงก็มีประโยชน์ ติก็ขอให้ติอย่างสร้างสรรค์”