สำหรับแผนปฏิบัติการ 5 ปี (2566-2570) ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ทีเส็บ ภายใต้ยุทธศาสตร์ TCEB Go พร้อมผลักดันแคมเปญ Thailand MICE to Meet You Year 2023 กระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางไมซ์ระดับโลก ด้วยนวัตกรรมและการสร้างความยั่งยืนรองรับการเดินทางทั่วโลกโดยอยู่ภายใต้การรองรับนโยบายของรัฐบาลในเวลานี้นั้น ได้นายจิรุตถ์ อิศรางนายกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ มาสะท้อนแผนการดำเนินงานได้น่าสนใจ
พร้อมรองรับนโยบายรัฐบาล
นายจิรุตถ์ อิศรางนายกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์ทั่วโลกมีแนวโน้มที่ดีในการฟื้นตัวกลับมา ซึ่งในแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี พ.ศ. 2566-2570 ของทีเส็บ จะเร่งกระตุ้นการจัดงาน สร้างรายได้กระจายสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วประเทศ พร้อมรองรับนโยบายของรัฐบาล
ซึ่งประกอบไปด้วย เรื่องที่ 1 วีซ่าฟรีสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ ในการอำนายความสะดวกในการเข้าประเทศ จากเดิมมีเส้นทางไมซ์เลนที่ทำกันมานานแล้ว ก็จะมีการเตรียมที่จะอัพเกรดไมซ์เลน เพราะว่าสนามบินแต่ละแห่งกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบบการบริการ
โดยจะเริ่มดำเนินการผลักดันทำไมซ์เลนทั่วประเทศในเมืองไมซ์ซิตี้เพื่อรองรับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล ส่วนเรื่องที่ 2 คือ เพื่อทำให้เศรษฐกิจทางด้านการส่งเสริมด้านเอ็กซิบิชั่น และงานเทศกาล ก็จะมีผลงานที่จะสรุปให้กับรัฐบาลเช่นดียวกัน 3.นโยบายการกระจายรายได้สู่จังหวัดทางทีเส็บจะมีสมาชิกที่เป็นผู้ว่าราชการของแต่ละจังหวัดทั้งในเมืองไมซ์ซิตี้ และเมืองที่ทีเส็บเข้าไปเป็นพันธมิตรก็พร้อมที่จะดำเนินการร่วมกัน โดยจะมีโครงการที่รองรับนโยบายของทางภาครัฐอยู่แล้ว
ทั้งนี้เราจะทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเวลานี้ได้ทำร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะนำเสนอรัฐบาล เพื่ออัดฉีด ทั้งในเรื่องนโยบายในการออกเทรดโชว์ โรดโชว์ในต่างประเทศในการดึงกลุ่มมูลค่าไมซ์เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งระยะสั้น และระยะยาว รวมทั้งการดึงงานเมกกะ อีเว้นท์เข้ามาในประเทศที่จะเสนอผ่านทางรัฐบาล และผ่านสภาพัฒน์ประมาณกลางเดือนกันยายนนี้ต่อไป
“ตอนนี้ยังไม่มีศักยภาพพอที่จะทำตามแผนของรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องทำเป็นแผนวาระพิเศษกระตุ้นการทำงานเพื่อเสนอรัฐบาลให้การทำงานเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น ก่อนที่งบประมาณ ปี 2567 จะเข้ามา”
ตอบโจท์แผนยุทธศาสตร์ไมซ์-ชาติ
อย่างไรก็ตาม นายจิรุตถ์ ยังกล่าวต่อว่า เตรียมวางแผนการดำเนินเพื่อนำไปเสนอกับทางรัฐบาลในปีงบประมาณใหม่ มีทั้งเรื่องของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เรื่องของความยั่งยืน เรื่องขอนวัตกรรม เรื่องของดิจิตอลทรานฟอร์มเมชั่น ซึ่งจะมุ่งเน้นในเรื่องของนวัตกรรม และความยั่งยืนเป็นแกนหลัก เนื่องจากเวลานี้พฤติการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์เปลี่ยนแปลงไปหลังจากสถานการณ์โควิด
สำหรับผลงานของนวัตกรรม และความยั่งยืนดังกล่าวนั้น ทางทีเส็บได้มุ่งไปที่พื้นที่ตะวันออก เพื่อจะเชื่อมต่อการพัฒนา อุตสาหกรรมไมซ์” (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ในพื้นที่ทั้งหมด กระจายความเจริญและรายได้สู่ชุมชนในภูมิภาค ตอบโจทย์ทั้งแผนยุทธศาสตร์ไมซ์ 20 ปี รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศ
ซึ่งทาง ทีเส็บได้ผลักดันต่อยอดการสร้างจุดขายใหม่ ของเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ในฐานะเมืองที่มีโอกาสทางธุรกิจและการพัฒนาองค์ความรู้ในสาขาอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และจะใช้จุดขายนี้ในการทำการตลาดต่างประเทศและการตลาดในประเทศให้เมืองพัทยา เพราะเชื่อว่าจุดขายเชิงธุรกิจที่ชัดเจนนี้ จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดขายเชิงอินเซนทีฟและเทศกาลที่มีอยู่เดิม ครอบคลุมทั้งการประชุมนานาชาติ งานแสดงสินค้า การประชุมองค์กร การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และงานเทศกาลนานาชาติ
โดยเฉพาะพื้นที่อีอีซีสำหรับสถิตินักเดินทางไมซ์ ตลาดต่างชาติ ในพัทยา พบว่าในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565 - มิ.ย. 2566) มีจำนวนสะสม 35,600 คน สร้างรายได้ 2,188 ล้านบาท ขณะที่ตลอดปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 2564 - ก.ย. 2565) มีจำนวนสะสม 125,812 คน สร้างรายได้ 6,192 ล้านบาท ด้านนักเดินทางไมซ์ ตลาดในประเทศ ในพัทยา พบว่าช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 มีจำนวน 154,840 คน สร้างรายได้ 477 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2565 ปิดตัวเลขที่จำนวน 83,525 คน สร้างรายได้ 169 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ทีเส็บ คาดการณ์ว่าตลอดปีงบประมาณ 2566 รายได้ไมซ์รวมจากทั้งตลาดในและต่างประเทศมีแนวโน้มอยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างชาติเกิน 5 หมื่นล้านบาท ฟื้นตัวเกิน 50% เทียบกับรายได้ตลาดต่างชาติปี 2562 ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ