ประชุมสภาฯ เดือด! "วิโรจน์" ป่วนที่ประชุม หลุด"สันดาน" ซัดเด็กเพื่อไทย ประท้วงกันวุ่น หลังถูกเหน็บ"รัฐบาลส้มหล่น" ร้อนถึง"นายกฯ"บอกขอให้ใจเย็น ประกาศปรับแผนแก้ยาเสพติด ด้าน "อดิศร" ให้คะแนนรัฐบาลเอบวก ฝ่ายค้านเอ ชมทุกฝ่ายทำหน้าที่ได้ดี มั่นใจนายกฯทำได้ แม้ไม่ตรงปก ส่วน"จุรินทร์" อัดรัฐบาลไม่แจงที่มางบฯ เงินดิจิทัล หลายนโยบายไม่ชัดเจน

     ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.66 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายของฝ่ายรัฐบาลเมื่อวันที่  11 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า มีเรื่องหนึ่งที่ต้องขอบคุณนั่นก็คือการที่รัฐบาลฟังสิ่งที่ตนพูดในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ขอให้ไปแก้ไขให้ชัดเจนเพื่อคลายความกังวล เพราะในนโยบายเขียนแค่ว่าจะไม่แก้ไขในหมวด 2 ว่าด้วยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้วตนสนับสนุน แต่ในนโยบายไม่ได้ระบุว่า จะไม่แก้ในหมวด 1 ด้วย ซึ่งหมวด 1 ก็มีความสำคัญ เพราะระบุไว้ว่า ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันแบ่งแยกไม่ได้
   
  นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าแนวคิดแบ่งแยกดินแดนก็มีปรากฏให้เห็น ตนจึงบอกว่าให้รัฐบาลไปทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ จะไม่แตะทั้งหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเมื่อวานนี้(11 ก.ย.) นายกฯได้ออกมารับรองว่า จะไม่แตะต้องหมวดดังกล่าว ถือว่ามีความชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ตนได้ร้องขอไว้
    
 สำหรับนโยบายอื่นๆ ที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ยังมีความคลุมเครือ ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย คำตอบหลายนโยบายยังไม่ตรงปกเช่น นโยบายค่าแรง, นโยบายแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร, นโยบายปริญญาตรี 25,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่า ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น ก็จะทำได้ตามลำดับ แต่ไม่ได้หมายความว่าทำอย่างไร ทำเมื่อไร เหมือนที่พูดไว้ตอนหาเสียง รวมถึงนโยบายด้านการเกษตรที่ตนได้ถามว่า ถ้าไม่ทำจำนำข้าวกับประกันรายได้เกษตรกร จะมีนโยบายอะไรที่เป็นรูปธรรมมาทดแทน ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน มีแค่พักหนี้เกษตรกร ซึ่งเหมือนเป็นแค่ยาแดง หนี้เกษตรกรก็ยังคงมีอยู่
    
 ส่วนเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ก็มีคำตอบเพียงว่าจะไม่กู้ และจะไม่เอาเงินกองทุนต่างๆ มาใช้ รวมถึงเงินหลวงตาบัว จึงมีคำถามตามมาว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ยังไม่มีความชัดเจน ตนวิจารณ์ตามเนื้อผ้า เพราะทุกคนต้องการคำตอบ และยังเหลืออีก 1 ทางคืองบประมาณ ตนเป็นถามในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนพ้นจากรัฐบาลที่ผ่านมาว่า งบประมาณปี 2567 จะเหลือให้รัฐบาลไปทำนโยบายได้เท่าไร ซึ่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณก็ตอบชัดว่า เหลือไม่เกิน 200,000 ล้านบาท และนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตใช้งบประมาณกว่า 500,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าเอาก้อนที่เหลือมาใช้ทั้งหมดก็จะไม่เหลืองบประมาณไว้ทำนโยบายอื่น อีกทั้งยังต้องหาเพิ่มอีกหลายแสนล้านบาท
      
 การที่ถาม ไม่ใช่ต้องการกดดัน เป็นสิทธิ์ที่ประชาชนต้องรู้ เพราะตอนหาเสียงเป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง ที่ต้องแจ้งนโยบายต่อ กกต. แต่ทำไมวันนี้ ตอบให้ชัดเจนไม่ได้ ผมก็ทวงถามแทนประชาชน ไม่ได้มีเจตนาอะไรพิสดารไปกว่านั้น ประชาชนควรมีสิทธิ์รับรู้
    
 นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาชื่นชมการทำหน้าที่ของตนในนามฝ่ายค้านนั้น ขอขอบคุณ ตนมีหน้าที่อะไรก็ทำเต็มที่ สุดความสามารถเสมอ ตอนเป็นรัฐบาลก็คิดว่าเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีในรัฐบาลอย่างเต็มความสามารถ เรารู้ว่ามีหน้าที่อะไร ต้องทำอะไร เมื่อมาเป็นฝ่ายค้าน ผมก็มีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน ทวงถามหาคำตอบให้ประชาชน ยืนยันจะทำหน้าที่เต็มที่ ไม่ต้องกังวล ตนซื่อสัตย์ต่อการทำหน้าที่เสมอ ขอบคุณสำหรับการชื่นชม นายจุรินทร์ กล่าวและว่า การทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลว่าไม่มีปัญหา เป็นวิถีทางประชาธิปไตยตามระบบรัฐสภา พรรคการเมืองที่ไม่เป็นรัฐบาลก็ต้องมารวมกันเป็นฝ่ายค้าน ไม่สามารถเลือกได้เหมือนพรรคร่วมรัฐบาล แต่เราก็ต้องตระหนักว่า เมื่อมาเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องจับมือกันตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน ถ้าไม่จับมือกัน น้ำหนักการตรวจสอบก็จะหายไป และเมื่อน้ำหนักหายไป คนขาดทุนคือประชาชน
      
 ผมไม่มีปัญหา ประชาธิปัตย์ตระหนักในภารกิจ และเชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็เช่นกัน ทำงานร่วมกันได้ ยกเว้นจุดยืนบางเรื่องที่เคยพูดไปแล้ว นายจุรินทร์ กล่าว
    
 นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภาพรวมการแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า ทุกฝ่ายทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านตนให้คะคะแนนเกรดเอ ฝ่ายรัฐบาลเอบวก ที่มีการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ผิดกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ตนขอให้กำลังใจฝ่ายค้านและส.ว.ในการทำหน้าที่ ส่วนนายกฯ และครม.จะพยายามตอบในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ซึ่งการแถลงนโยบายเป็นเวทีของฝ่ายตรวจสอบ หากมีข้อมูลอะไรก็ขอให้ถกเถียงกันมา แม้เมื่อการอภิปรายฯ ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  อาจมีข้อสงสัยในเรื่องอดีตบ้าง โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งศาลฯพิพากษาเด็ดขาดแล้ว ว่าไม่มีความผิดอะไร
     
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันนโยบายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคือเงินดิจิทัลวอลเล็ต  10,000 บาท ซึ่งไม่ว่า พรรคเพื่อไทยหรือพรรคไทยรักไทยจะเสนอนโยบายอะไรก็มักจะถูกต่อต้านหัวสุดฝา เช่น โครงการ 30 บาทตายทุกโรค , กองทุนหมู่บ้านทำไม่ได้หรอก , จะเอาเงินมาจากไหน , รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท 
    
 "ผมเชื่อว่ารัฐบาลเศรษฐาจะทำได้ ตามที่พูดไว้อย่างแน่นอน แม้จะไม่ตรงปกอย่างที่ฝ่ายค้านว่าไว้แต่นโยบายไม่สามารถเขียนทุกอย่างได้ แต่รัฐมนตรีทุกท่านก็สามารถลุกขึ้นตอบได้เช่น นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" นายอดิศร กล่าว
    
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.10 น. มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเป็นวันที่สอง โดย นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ อภิปรายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการศึกษาเป็นคนแรก จากนั้น นายวีระศักดิ์ ภูครองหิน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายต่อว่า ขอให้รัฐบาลปรับกรอบเวลาการแก้ปัญหายาเสพติดจากที่กำหนดไว้ในระยะกลางและระยะยาว เป็นกรอบระยะสั้น เพื่อให้ทำได้ทันที โดยเฉพาะการกำหนดนิยามผู้เสพคือผู้ป่วย ต้องทำความเข้าใจที่ชัดเจน ระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงระดับนโยบาย  ปัจจุบันมีคณะกรรมการดำเนินการทั้งส่วนกลางและพื้นที่ ซึ่งองค์กรที่สำคัญและมีบทบาทมากคือคณะกรรมการหมู่บ้านที่จะช่วยคัดกรองผู้เสพว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้ผู้ที่เสพและได้รับการบำบัดแล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมสังคมได้ ไม่เป็นปัญหาสังคม
    
 ต่อมา นายเศรษฐา ได้ลุกชี้แจงทันทีว่า ขอขอบคุณที่เสนอแนะให้วางกรอบการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นกรอบระยะสั้น ซึ่งวันที่ 16 ก.ย.นี้ จะประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการงานร่วมกัน พร้อมกับวางแผนในระยะสั้น ถึงระยะยาว จากนั้นจะแถลงให้ประชาชนทราบอีกครั้ง รัฐบาลตระหนักถึงปัญหายาเสพติด และจากการลงพื้นที่พบว่าปัญหายาเสพติดเป็นประเด็นที่ประชาชนเรียกร้องอย่างมาก  ไม่ด้อยไปกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ปัญหาปากท้อง ดังนั้นรัฐบาลต้องจัดการแน่นอน ทั้งเรื่องผู้เสพคือผู้ป่วย รวมถึงหากรักษาหายแล้วจะทำอย่างไร ไม่ให้กลับมาเสพอีก เพื่อส่งคืนสู่ครอบครัวอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่กลับมาเสพอีก
     
สำหรับการบริหารจัดการผู้ทำผิด รวมถึงการยึดทรัพย์ยังเป็นปัญหา รัฐบาลตระหนักและมองว่าต้องยึดทรัพย์โดยเร็ว รวมถึงการทำลายยาเสพติดที่หากทำช้าจะมีการลักลอบออกไป ดังนั้นต้องเร่งจัดทำแผนงานระยะสั้น เพื่อให้สถาบันครอบครัวของประเทศกลับมาแข็งแกร่ง 
    
 ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากที่ นายศิริโรจน์ ธนิกกุล ส.ส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล อภิปรายท้วงติงนโยบายด้านแรงงานของรัฐบาลที่ไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงานเช่น กลุ่มไรเดอร์  กลุ่มชาวประมง รวมถึงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวได้จริง โดยระหว่างการอภิปรายในประเด็นแรงงานกลุ่มไรเดอร์ ได้นำเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวสวมทับสูทเพื่อประกอบอภิปรายด้วย และก่อนที่จะอภิปรายจบได้พาดพิงถึงนายเศรษฐาว่าเป็นนายกฯ ส้มหล่น ทำให้ นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุม พร้อมเรียกร้องให้เคร่งครัดในการบังคับใช้ข้อประชุมรัฐสภา เพราะเวทีรัฐสภาไม่ใช่โรงแสดง ประธานผ่อนปรนข้อบังคับทำให้สภาไร้ระเบียบและวินัย ทั้งที่ข้อบังคับกาประชุมร่วมรัฐสภาเขียนไว้ชัดเจน ว่าการอภิปรายต้องไม่วนเวียน เสียดสี ไม่ทำให้ใครเสียหาย ไม่นำเอกสารยืนอ่านโดยไม่จำเป็น แต่ปัจจุบันพบว่ามีนักอ่านเก่งๆ ในสภาฯ และทำผิดข้อบังคับกการประชุม ดังนั้นขอให้เคร่งครัดเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างกับเยาวชนต่อการสร้างนิสัยไร้ระเบียบ วินัย และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
  
   ต่อจากนั้น น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงนายศิริโรจน์และขอให้ถอนคำพูดที่ระบุพาดพิงนายกฯ ว่าเป็นรัฐบาลส้มหล่น ถือเป็นการด้อยค่า เพราะข้อเท็จจริงคือเมื่อพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ต้องส่งไม้ต่อมาให้พรรคเพื่อไทย และนายกฯ ได้รับการเลือกจากรัฐสภา และได้รับการโปรดเกล้าฯ ดังนั้นขอให้ถอนคำพูดเพราะทำให้เกิดความเสียหายกับนายกฯ ที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
    
 ทำให้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกประท้วงเพื่อตอบโต้ โดยย้ำว่าการอภิปรายของส.ส.พรรคก้าวไกล เพื่อสะท้อนปัญหาของผู้ใช้แรงงานกลุ่มไรด์เดอร์ ดังนั้นกรณีที่ส.ส.ทักท้วงแสดงว่าไม่ได้ให้ความสนใจปัญหาความเดือดร้อน และเข้าหาตอนหาเสียงเท่านั้น  
    
 ขณะที่การประท้วงของส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย นั้น นายวิโรจน์ ได้ตอบโต้ โดยย้ำคำว่า นายกฯเศรษฐา เป็นนายกฯส้มหล่น อยู่หลายครั้ง คล้ายกับตอกย้ำในประเด็นที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยทักท้วงให้ถอนคำพูด
     
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร ชี้แจงยอมรับความผิดพลาดของตนเอง เพราะจำที่ส.ส.อภิปรายไม่ได้ทั้งหมด นอกจากทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแล้วต้องเซ็นต์แฟ้มด้วย ส่วนการนำเครื่องแต่งกายของไรด์เดอร์มาสวมใส่นั้น ทีแรกจะห้ามแต่เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างไรก็ดีต่อไปตนจะพิจารณาให้เคร่งครัด ส่วนที่มีผู้อภิปรายนำไอแพดขึ้นมาอ่าน ตนมองว่าขณะนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว แต่อย่าให้ถึงก้มหน้าก้มตาอ่าน
     
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประท้วงจากส.ส. 3 พรรคยังคงตอบโต้กันไปมา เพราะส.ส.ก้าวไกลไม่ยอมถอนคำพูด ทำให้ นายพัฒนา สัพโส  ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงนายวิโรจน์ว่า ผมได้ยินข่าวว่าจะอภิปรายสร้างสรรค์  ผมให้เกียรติทางน้องๆ ประเด็นนี้อยากให้ถอน และจบ เพื่อเดินต่อ ทำให้ นายวิโรจน์ ลุกประท้วงกลับว่า เรียกผมว่าน้องๆ ผมไม่มีพี่ชายสันดานแบบนี้  ทำให้นายพรเพชรต้องยกมือเพื่อห้ามศึก บอกแบบนี้ไม่ได้ต้องถอน และปิดไมโครโฟนของทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนจะวินิจฉัยให้ส.ส.พรรคก้าวไกล ทั้งนายวิโรจน์และนายศิริโรจน์ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสมและตามที่ถูกประท้วง จากนั้นให้การอภิปรายนโยบายรัฐบาลดำเนินต่อไป 
    
 เวลาต่อมา นายเศรษฐาได้ลุกขึ้นจะชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องแรงาน พร้อมกับพูดว่า ตะกี้ผมนั่งฟัง ก็ขอให้ใจเย็นๆกันหน่อย ยังเช้ากันอยู่เลย เมื่อวานเราอยู่กันดึก ยิ้มแย้มกันบ้าง สมาชิกบางคนยังขำๆกันอยู่เลย"   พร้อมกับชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำว่า ในภาพรวมประเทศไทยถือว่าเป็นที่โชคดีเนื่องจากเป็นที่ต้องการของแรงงานอัตราการวางงานต่ำกว่า1%ถือว่า ประชากรมีงาน ขณะเดียวกันความต้องการของแรงงานก็มีเยอะมากเรื่องของการเพิ่มแรงงานต่างชาติเป็นเรื่องจำเป็น ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องดูแลควบคู่กันไปคือเรื่องสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีและความปลอดภัย ส่วนประเด็น One Stop Service  เชื่อว่าหลายๆรัฐบาลก็ไดเดำเนินการมาแล้วและเป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักดี