หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม พ่อแฉคลิปวงจรปิด ป้าวัย 60 ขับเก๋งซิ่งหนีไฟแดง 4 แยก ทางเข้า อ.ธาตุพนม ชนรถจักรยานยนต์ ลูกสาว วัย 14 ปี อาการสาหัสปางตาย เลือดคั่งสมองกะโหลกร้าว หวั่นคดีไม่คืบหน้า คู่กรณีบ่ายเบี่ยงยันเป็นประมาทร่วม ยังไม่ดูแลเยียวยา วอนตำรวจเร่งรัดคดีเนื่องจากหลักฐานภาพวงจรปิดชัดเจน ด้าน ผกก.สภ.ธาตุพนม กำชับพนักงานสอบสวน ยืนยันทำคดีตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างคนผิด คู่กรณีรถยนต์ ต้องดูแลชดเชยเยียวยาคนเจ็บ เตือนปฏิบัติตามกฎจราจร

            
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้ากรณี นายเฉลิมพล พรมพินิจ อายุ 37 ปี ชาวบ้านชุมชนวัดพระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นำภาพหลักฐานคลิปวงจรปิด ออกมาเผยแพร่ ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อโซเชียล พร้อมสะท้อนขอความเป็นธรรมไปยัง หน่วยงานตำรวจ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง กรณี เด็กหญิงปิ่นทอง พรมพินิจ อายุ 14 ปี หรือน้อง ไก่ ลูกสาว ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กญ 1684 นครพนม ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ชน บริเวณ 4 แยกไฟแดง เยื้องห้างโลตัส ฝั่งมุ่งหน้าขาออกจากตัว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เนื่องจาก รถยนต์เก๋งคันดังกล่าว มีป้าอายุ 60 ปี ชาว อ.ธาตุพนม เป็นคนขับ พยายามเร่งเครื่องขับหนีไฟแดง ขณะไฟสัญญาณจราจร กำลังเปลี่ยนจากไฟเตือนสีส้มกำลังเป็นสีแดง ส่งผลให้ชนรถจักรยานยนต์ ที่อยู่อีกเส้นทาง ที่ตัดผ่าน 4 แยก เห็นไฟจราจร สีเขียว จึงขับรถจักรยานยนต์ ออกมา ทำให้รถยนต์ คู่กรณีชนเข้าอย่างจัง ร่างน้องไก่ อายุ 14 ปี คนขับรถจักรยานยนต์ กระเด็นกระแทกกับกระจกรถยนต์ และกระเด็นลงพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส หมดสติคาที่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2566 ภายหลัง ทางพ่อผู้เสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ธีระพงษ์ ท่าโทม รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธาตุพนม มาตรวจสอบ เก็บหลักฐานประกอบการดำเนินคดี แต่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน เกี่ยวกับการดำเนินคดี อีกทั้งรถยนต์คู่กรณี ไม่มีประกันภัยชั้น 1 รวมถึงทางคู่กรณีพยายามบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ และมั่นใจว่าเป็นการประมาทร่วม ทางผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม เนื่องจากลูกสาวอาการยังไม่ปลอดภัย บาดเจ็บสาหัส กะโหลกร้าว เลือดคั่งในสมอง ยังต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพนม

            
ด้าน นายเฉลิมพล พรมพินิจ อายุ 37 ปี ชาวบ้านชุมชนวัดพระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ่อผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุเกิดวันที่ 10 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ขณะลูกสาวขับรถจักรยานยนต์ ไปหาเพื่อน เนื่องจากปกติตนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวทำงานที่ กทม. ลูกสาวอาศัยอยู่กับย่า หลังเกิดเหตุจึงเดินทางมาดูอาการลูกสาว และตรวจสอบขอภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง พบหลักฐานชัดเจน ว่า ลูกสาวถูกรถยนต์ ที่พยายามขับหนีไม่อยากติดไฟแดง ช่วงระหว่างไฟสีส้ม จะเป็นสีแดง ทำให้ชนรถจักรยานยนต์ ของลูกสาว กระแทกรถยนต์ และพื้นถนน  อาการสาหัส หมดสติในที่เกิดเหตุ สอบถามแพทย์ ระบุว่า กะโหลกศีรษะร้าว และเลือดคั่งในสมอง ตอนนี้รู้สึกตัวแล้ว แต่ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพนม ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ใกล้ชิด สิ่งที่กังวล คือ คู่กรณีพยายามบ่ายเบี่ยงอ้างว่าเป็นการประมาทร่วม จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา จึงต้องออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม โดยมีหลักฐานสำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิดจากที่เกิดเหตุ มั่นใจว่ารถยนต์ขับรถประมาทชนลูกสาว และขอให้ชดเชยเยียวยาดูแล ตามกฎหมาย และขอความเป็นธรรมจากตำรวจ

            
ส่วน พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับกรณีเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ตนได้ตรวจสอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด และสอบถามพนักงานสอบสวน ที่ดูแลคดี ยืนยันว่า ทางตำรวจไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนทางพ่อ หรือญาติผู้เสียหายมีความกังวล ว่าคู่กรณีฝ่ายรถยนต์ จะไม่ดูแลรับผิดชอบ และอาจจะเป็นการประมาทร่วม ขอให้มั่นใจว่า ยังไม่มีการยืนยันชี้ชัดผลทางคดี อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐาน สอบสวนโดยละเอียด อย่างไรก็ตามขอให้ผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ เชื่อมั่นว่า  ถึงแม้หลักฐานจะเป็นการประมาทร่วม แต่ทางกฎหมาย คู่กรณีคือ คนขับรถยนต์ จะต้องชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสตามกฎหมายส่วนการดำเนินคดี ยืนยันว่าไม่มีเข้าข้างคนผิด โดยหลักทางกฎหมายสำหรับการสัญจรไปมา การใช้รถใช้ถนน หากไฟจราจรเป็นสีส้ม ก่อนที่จะเป็นไฟแดง คนขับรถจะต้องระมัดระวังรถอีกเลนที่จะวิ่งตัดผ่านมา ตามหลักจะต้องหยุดรถเพื่อความปลอดภัย จึงขอเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนระมัดระวังปฏิบัติตามกฎจราจรเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย