วันที่ 12 ก.ย.66 จากนั้นเมื่อเวลา 17.35น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เป็นเกียรติที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ให้โอวาทน้อมรับคำแนะนำ คำติ และข้อควรระวัง ยืนยันแม้จะเป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่การที่มายืนตรงนี้ ก็รักประเทศชาติ มีความต้องการอยากเห็นประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มีความตั้งใจมาดัวยหัวใจที่เปิดกว้าง ตั้งใจทำประโยชน์ให้ประเทศ มีความเข้าใจถึงปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ส่วนการสูญเสียชีวิตประชาชนไปกว่า 7,520 คนในภาคใต้ใน 20กว่าปีที่ผ่านมา ตนก็เศร้าใจมาตั้งแต่ก่อนเข้าสู่สนามการเมือง อย่าว่าแต่ 7,500คนแค่ชีวิตเดียวก็ไม่ควรสูญเสีย ถือว่ามากเกินไปสำหรับประเทศนี้

เราเห็นตรงกันการสูญเสียไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนวิธีแก้ปัญหา และการเข้าใจถึงความลึกของปัญหา อาจต่างกัน มั่นใจว่า รัฐบาลที่มาจากประชาชน โดยพรรคร่วม 11พรรค ให้ความสำคัญกับความสงบสุขในพื้นที่ 3จังหวัดภาคใต้ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเลือกปฏิบัติเป็นข้อถกเถียงมานาน ตนได้ยินนายชวนกล่าวถึงการเลือกปฏิบัติ ก็น้อมรับสิ่งที่ท่านพูด แต่ตนก็มีข้อมูลว่า รัฐบาลไทยรักไทยสมัยก่อนเกิดวิกฤติสึนานายทักษิณ ชินวัตร นายกฯขณะนั้น ก็ลงพื้นที่ไปดูแลชาวภูเก็ตและจังหวัดข้างเคียงอย่างเต็มความสามารถ เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก การเลือกปฏิบัติต่อพื้นที่ใดในประเทศไทย โดยผู้บริหารสูงสุดของประเทศ เป็นสิ่งที่ไม่บังควร

นายเศรษฐากล่าวว่า  เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะมีสส.ภาคใต้หรือไม่ ก็เป็นความตั้งใจสูงสุดของตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องให้ความเสมอภาค เท่าเทียมกับประชาชนทุกคน ตั้งแต่ยังไม่ได้รับอำนาจเต็มที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน จังหวัดแรกที่ลงไปคือจ.ภูเก็ต แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้สส.แม้แต่คนเดียว ตนให้ความสำคัญกับจ.ภูเก็ตและภาคใต้ การกระทำเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูดว่า รัฐบาลนี้จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร อีก2 สัปดาห์จะลงไปติดตามงานอีก ดูเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต ซึ่งทีมงานเสนอมาว่า เพื่อเข้าถึง ทั่วถึง ไม่ควรใช้สนามบินนานาชาติ ภูเก็ต ควรใช้คำว่าสนามบินอันดามัน อินเตอร์เนชั่นแนล ครอบคลุมไปถึงจ.พังงา กระบี่ ระนอง ทั้ง 4 จังหวัดนี้ ไม่มีสส.เพื่อไทยแม้แต่คนเดียว 

“ยืนยันว่า การมาอยู่จุดนี้ เจตนารมณ์ชัดเจนคือ จะเป็นนายกรัฐมนตรี จะนำพารัฐบาลที่เป็นของคนไทยทุกคน” นายเศรษฐา กล่าว