นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการรับฟังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลในวันแรกแล้ว เห็นว่านโยบายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจคือ มาตรการฟรีวีซ่ารับช่วงไฮซีซั่น เพื่อผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ถึงเป้า 28-30 ล้านคน เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรเพียงตัวเดียวที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
โดยในช่วงครึ่งปีแรก รายได้จากการท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้า โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง 13% เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากมาเลเซีย ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4.2-4.3 หมื่นบาท/ราย น้อยกว่านักท่องเที่ยวจีน ที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 4.5 หมื่นบาท/ราย ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศก็ลดลงไปมากถึง 33% ดังนั้นจะต้องเร่งกระตุ้นตลาดในประเทศไปพร้อมกัน
สำหรับภาวะการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ที่มีสัดส่วนเกือบ 50% เริ่มชะลอตัว ดังนั้นในระยะสั้น ควรหันมาให้ความสนใจการค้าชายแดน และตลาดอาเซียนที่มีความสำคัญมาก เพราะมีสัดส่วนมากถึง 24% ซึ่งความจริงแล้วก็เหมือนเศรษฐกิจภายในประเทศ เพียงแค่ขนส่งข้ามชายแดนไปเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า เท่าที่ฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันแรก รู้สึกว่ายังไม่ตรงปกตามที่พรรคการเมืองได้ประกาศไว้ต่อภาคประชาสังคม ซึ่งหากรัฐบาลชี้แจงไม่ชัดเจนจะสร้างความกังวลเพิ่มขึ้น ขณะที่ ส.อ.ท.กำลังจัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เพื่อเสริมแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ตรงจุด คาดว่าจะนำเสนอให้รัฐบาลได้ภายในต้นเดือน ต.ค.66 โดยจะเสนอแนะวิธีการ และจัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่ต้องดำเนินการแก้ไขเร่งด่วนภายใน 6 เดือน-1 ปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ฟื้นตัวโดยเร็ว โดยภาคเอกชนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงานนั้น รัฐบาลควรพิจารณาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้าง ไม่ใช่การปรับลดราคาเป็นครั้งคราว เพราะเมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ปัญหาก็จะกลับมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากมีการปรับโครงสร้างพลังงานให้เกิดเสถียรภาพแล้วจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย