เดือดแต่เช้า “ตัวตึงก้าวไกล” แผลงฤทธิ์ ป่วนการประชุมรัฐสภา ทำ “สส.พท.” ประท้วงวุ่น หลังด้อยค่า นายกฯเศรษฐา ให้ถอยคำพูด พร้อมขอแบบรุ่นพี่ขอรุ่นน้อง ก่อนถูกสวนกลับ “ไม่มีพี่สันดานแบบนี้” ด้าน "เศรษฐา" กางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงเงินเข้าภาคบริการ ลั่นปรับค่าแรง400บาท เร็วที่สุด
วันที่ 1 ก.ย.2566 เมื่อเวลา 10.25 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากที่นายศิริโรจน์ ธนิกกุล สส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล อภิปรายท้วงติงนโยบายด้านแรงงานของรัฐบาลที่ไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงาน เช่น กลุ่มไรเดอร์ กลุ่มชาวประมง รวมถึงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวได้จริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการอภิปรายในประเด็นแรงงานกลุ่มไรเดอร์ ได้นำเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวสวมทับสูทเพื่อประกอบอภิปรายด้วย และก่อนที่จะอภิปรายจบได้พาดพิงถึงนายเศรษฐาว่าเป็นนายกฯ ส้มหล่น ทำให้นาย นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุม พร้อมเรียกร้องให้เคร่งครัดในการบังคับใช้ข้อประชุมรัฐสภา เพราะเวทีรัฐสภาไม่ใช่โรงแสดง ประธานผ่อนปรนข้อบังคับทำให้สภาไร้ระเบียบและวินัย ทั้งที่ข้อบังคับกาประชุมร่วมรัฐสภาเขียนไว้ชัดเจน ว่า การอภิปรายต้องไม่วนเวียน เสียดสี ไม่ทำให้ใครเสียหาย ไม่นำเอกสารยืนอ่านโดยไม่จำเป็น แต่ปัจจุบันพบว่ามีนักอ่านเก่งๆในสภาฯ และทำผิดข้อบังคับกการประชุม ดังนั้นขอให้เคร่งครัดเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างกับเยาวชนต่อการสร้างนิสัยไร้ระเบียบ วินัย และเป็นตัวอยย่างที่ไม่ดี
ต่อจากนั้น น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงนายศิริโรจน์ และขอให้ถอนคำพูดที่ระบุพาดพิงนายกฯ ว่าเป็นรัฐบาลส้มหล่น ถือเป็นการด้อยค่า เพราะข้อเท็จจริงคือ เมื่อพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ต้องส่งไม้ต่อมาให้พรรคเพื่อไทยและนายกฯ ได้รับการเลือกจากรัฐสภา และได้รับการโปรดเกล้าฯ ดังนั้นขอให้ถอนคำพูดเพราะทำให้เกิดความเสียหายกับนายกฯ ที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิร ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกประท้วงเพื่อตอบโต้ โดยย้ำว่าการอภิปรายของสส.พรรคก้าวไกล เพื่อสะท้อนปัญหาของผู้ใช้แรงงานกลุ่มไรด์เดอร์ ดังนั้นกรณีที่ สส.ทักท้วงแสดงว่าไม่ได้ให้ความสนใจปัญหาความเดือดร้อน และเข้าหาตอนหาเสียงเท่านั้น
ขณะที่การประท้วงของ สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย นั้น นายวิโรจน์ ได้ตอบโต้ โดยย้ำคำว่า นายกฯเศรษฐา เป็นนายกฯส้มหล่น อยู่หลายครั้ง คล้ายกับตอกย้ำในประเด็นที่ สส.พรรคเพื่อไทยทักท้วงให้ถอนคำพูด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร ชี้แจงยอมรับความผิดพลาดของตนเอง เพราะจำที่สส.อภิปรายไม่ได้ทั้งหมด นอกจากทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแล้วต้องเซ็นต์แฟ้มด้วย ส่วนการนำเครื่องแต่งกายของไรด์เดอร์มาสวมใส่นั้น ทีแรกจะห้ามแต่เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างไรก็ดีต่อไปตนจะพิจารณาให้เคร่งครัด ส่วนที่มีผู้อภิปรายนำไอแพดขึ้นมาอ่าน ตนมองว่าขณะนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว แต่อย่าให้ถึงก้มหน้าก้มตาอ่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประท้วงจาก สส. 3 พรรคยังคงตอบโต้กันไปมา เพราะ สส.ก้าวไกลไม่ยอมถอนคำพูด ทำให้ นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงนายวิโรจน์ ว่า “ผมได้ยินข่าวว่าจะอภิปรายสร้างสรรค์ ผมให้เกียรติทางน้องๆ ประเด็นนี้อยากให้ถอน และจบ เพื่อเดินต่อ” ทำให้ นายวิโรจน์ ลุกประท้วงกลับว่า
“เรียกผมว่าน้องๆ ผมไม่มีพี่ชายสันดานแบบนี้ ” ทำให้นายพรเพชรต้องยกมือเพื่อห้ามศึก บอกแบบนี้ไม่ได้ต้องถอน และปิดไมโครโฟนของทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนจะวินิจฉัยให้ สส.พรรคก้าวไกล ทั้งนายวิโรจน์และนายศิริโรจน์ ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสมและตามที่ถูกประท้วง จากนั้นให้การอภิปรายนโยบายรัฐบาลดำเนินต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประท้วงดังกล่าวกินเวลาประชุมไปประมาณ 15 นาที
ต่อมา 10.40 น.นายกฯ ลุกขึ้นจะชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องแรงาน พร้อมกับพูดว่า “ตะกี้ผมนั่งฟัง ก็ขอให้ใจเย็นๆกันหน่อย ยังเช้ากันอยู่เลย เมื่อวานเราอยู่กันดึก ยิ้มแย้มกันบ้าง สมาชิกบางคนยังขำๆกันอยู่เลย" พร้อมกับชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำว่า ในภาพรวมประเทศไทยถือว่าเป็นที่โชคดีเนื่องจากเป็นที่ต้องการของแรงงานอัตราการวางงานต่ำกว่า1%ถือว่า ประชากรมีงาน ขณะเดียวกันความต้องการของแรงงานก็มีเยอะมากเรื่องของการเพิ่มแรงงานต่างชาติเป็นเรื่องจำเป็น ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องดูแลควบคู่กันไปคือเรื่องสิทธิมนุษยชน ศักดิ์สรีและความปลอดภัย ส่วนประเด็น One Stop Service เชื่อว่าหลายๆรัฐบาลก็ไดเดำเนินการมาแล้วและเป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักดี
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่รับฟังความเห็นจากการทำประมง ยืนยันว่าเราจะทำเรื่องดังกล่าวให้ดีและมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผู้ประกิบการและผู้ใช้แรงงานต่างด้าว เรามีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่นการท่องเที่ยวเพื่อดึงเงินเข้าภาคบริการ ขณะที่ค่าแรงจะปรับขึ้นตามความต้องการของภาคแรงงาน นอกจากจะกระตุ้นเศรษฐกิจภาคบริการเรายังจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ โดยได้ให้นโยบายรมว.แรงงานให้ดำเนินเป็นวาระเร่งด่วนหลังแถลงนโนยาย
“ ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เป็นเรื่องสำคัญเราจะมีการเจรจาทั้ง 3 ฝ่ายทั้งแรงงาน ผู้ว่าจ้าง และรัฐบาล เพื่อปรับค่าแรงขั้นต่ำให้อยู่ในระดับเหมาะสมโดยมีเป้าหมายที่ 400 บาทโดยเร็วที่สุด” นายเศรษฐา กล่าว