วันนี้ 11 กันยายน 2566 เวลา 13.30 น.พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เป็นประธานในการประชุม บริหารราชการ ภ.7 ครั้งที่ 9 / 2566 โดยมี พล.ต.ท.วรายุทธ สุขวัฒน์ ผทค.พิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ รอดมาผทค.พิเศษ ตร.รรท.รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.ดร.จักษ์ จิตตธรรม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.สุเมธ ปุณสีห์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ปรีดา อิ่มเจริญ ผบก.ศฝร.ภ.7 พล.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ ผบก.กค.ภ.7 พล.ต.ต.กฤษณะ สุขสมบูรณ์ ผบก.อก.ภ.7 และรอง ผบก.ภ.จว.ทั้ง 8 จว.ผกก.104 สถานีในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยก่อนการประชุมได้มอบทุนการศึกษาแก่บุตรข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.7 ซึ่งมีผลการศึกษาดี (ผลการศึกษาเฉลี่ย 3.5 ขึ้นไป ) รวมเป็นเงินจำนวน 2,835,000 บาท จากนั้นได้จัดพิธีมอบประกาศผู้มีผลการปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ด้านป้องกันปราบปราม และด้านสืบสวน เป็นกรณีพิเศษ ประจำเดือน สิงหาคม 2566


พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวในที่ประขุมโดยได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติดังนี้ การปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง 1.ให้แต่ละหน่วยเฝ้าระวังบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งหมายถึง บุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่ดำรงตนด้วยการกระทำการด้วยตนเอง หรือใช้ จ้างวาน สนับสนุนการกระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมาย หรืออยู่เหนือกฎหมาย โดยผลของการกระทำนั้น เป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโดยส่วนรวม ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะต้องดำเนินการดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการจัดระบบงานการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเท่าเทียมกัน ผู้มีอิทธิพล อาจมีการดำเนินการเป็นเครือข่าย ประกอบด้วยผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง กองกำลังหรือเครื่องมือ (มือปืนรับจ้าง บริวาร) แนวร่วมหรือผู้สนับสนุน (ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ นักการเมืองระดับต่างๆ ) 2.พฤติการณ์ที่เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลที่สำคัญ ได้แก่ (16 ฐานความผิด)(1) นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ (2) การฮั้วประมูลและขัดขวางการเสนอ/แข่งขันราคา ในการประมูลงานของทางราชการ

(3) การเรียกรับผลประโยชน์จากคิวรถจักรยานยนต์ และรถยนต์รับจ้างผิดกฎหมาย (4) การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงาน ร้านค้า สถานบริการ และสถานประกอบการต่างๆ (5) การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน น้ำมันปาล์มเถื่อน บุหรี่/สุราเถื่อน และรับเคลียร์การนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย (6) การลักลอบจัดให้มีบ่อนการพนัน โต๊ะพนันบอล หวยใต้ดิน จับยี่กี ตู้เกมส์ไฟฟ้า (7) การลักลอบค้าหญิงและเด็ก บังคับค้าประเวณี โสเภณีเด็ก และให้หมายความรวมถึง ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ (8) การลักลอบนำคนเข้า-ออก และอยู่ในราชอาณาจักร โดยผิดกฎหมาย (9) การหลอกลวงประชาชนไปทำงานต่างประเทศ (10) การหลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ย (11) มือปืนรับจ้าง (12) การรับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่หรือใช้กำลัง (13) การลักลอบค้าอาวุธสงคราม อาวุธปืนเถื่อน และให้หมายความรวมถึงผู้สะสมอาวุธปืนและวัตถุระเบิด (14) การบุกรุกที่ดินสาธารณะ และหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

(15) การเรียกรับผลประโยชน์จากการรับเคลียร์หรือคุ้มครองการกระทำผิดบนเส้นทางหลวงและ/หรือสาธารณะ (16) ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และให้หมายความรวมถึงผู้สะสมอาวุธที่มีพฤติการณ์คุ้มกันผู้ค้ายาเสพติด และทวงหนี้ที่เกิดจากการค้ายาเสพติด 3.ให้แต่ละ ภ.จว.ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูล ประวัติ พฤติการณ์ ของบุคคล กลุ่มบุคคล หรือนิติบุคคล เครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง และหมายจับค้างเก่าเกี่ยวกับมือปืน ในพื้นที่ แล้วเก็บไว้เป็นข้อมูลประจำหน่วย 4.ให้แต่ละหน่วยดำเนินการสืบสวนจับกุมการกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ

ทั้งที่เป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เครือข่ายหรือขบวนการ และจัดพนักงานสอบสวนที่มีความรู้ความสามารถรับผิดชอบคดีโดยตรง 5.ให้แต่ละหน่วยจัดเตรียมชุดเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ชุดปฏิบัติการพิเศษ สนับสนุนการปฏิบัติตามความจำเป็น ประสานความร่วมมือในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน สอบสวน กับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม และสร้างทีมสอบสวนที่มีความเชี่ยวชาญ 6.ให้แต่ละหน่วยเฝ้าระวังบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่มีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง ซึ่งหมายถึง ผู้ที่กระทำการใดๆ โดยใช้อาวุธปืน อาวุธสงคราม หรือวัตถุระเบิด เพื่อประทุษร้ายชีวิตผู้อื่น หรือข่มเหง คุกคาม ให้ผู้อื่นเกิดความเกรงกลัวต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยได้ประโยชน์จากผู้จ้างวานในรูปแบบใดรูปแบหนึ่ง และให้หมายความรวมถึงผู้ที่เคยมีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง และปัจจุบันได้เลิกกระทำการแต่ก็คาดว่าน่าจะกลับมากระทำผิดอีก มีหมายจับแล้ว

แต่ยังไม่ถูกจับกุมดำเนินคดี 7.กลุ่มเป้าหมายบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่มีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง 7.1 บุคคลเป้าหมายระดับ 1 หมายถึง บุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง เชื่อว่าทำผิดแล้วแต่ไม่มีพยานหลักฐาน หรือพ้นโทษ หรือศาลยกฟ้อง หรืออยู่ระหว่างดำเนินคดี 7.2 บุคคลเป้าหมายระดับ 2 หมายถึง บุคคลที่เชื่อว่าจะมีพฤติการณ์เป็น มือปืนรับจ้าง ( ดาวรุ่ง ) 7.3 บุคคลเป้าหมายระดับ 3 หมายถึง บุคคลในเครือข่าย ซุ้มมือปืน เช่น ผู้ว่าจ้าง ผู้จัดหา ( เอเย่นต์ ) ผู้ให้ความคุ้มครอง หัวหน้าซุ้มมือปืน 7.4 บุคคลเป้าหมายระดับ 4 หมายถึง ผู้กระทำผิดโดยใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิดในการกระทำผิด ตลอดจนการฆาตกรรมอำพราง เช่น นำศพไปเผา ถ่วงน้ำ รับจ้างสังหารบุคคลอื่น นอกเหนือจากวิธีที่กล่าวมา 8.ให้แต่ละหน่วยจัดทำข้อมูลมือปืนรับจ้าง ผู้ต้องหา ผู้ต้องขัง และบุคคลพ้นโทษ ในคดีอุกฉกรรจ์ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ และผู้เกี่ยวข้อง 9.เร่งรัดสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ที่คนร้ายใช้อาวุธปืน วัตถุระเบิดในการ    ก่อเหตุ และคดีค้างเก่าที่ยังไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด ในคดีที่เชื่อว่าเป็นคดีใช้จ้างวาน และให้ทำสำนวนการสืบสวนให้ละเอียดทุกคดี 10.เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจังค้างเก่าในคดีอุกฉกรรจ์ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนในการก่อเหต 11.เร่งรัดกวาดล้างอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และสิ่งเทียม อาวุธปืน 12.รวบรวมสถิติที่เชื่อว่าเป็นคดีใช้จ้างวานฆ่า

โดยแบ่งเป็น 12.1 คดีที่รู้ตัว สามารถออกหมายจับได้12.2 คดีที่รู้ตัว แต่ไม่สามารถออกหมายจับได้ 12.3 คดีที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด 13.ให้แต่ละหน่วยจัดทำแฟ้มคู่กรณีผู้มีอิทธิพลที่ขัดแย้งในพื้นที่ เพื่อเป็นข้อมูลประจำหน่วย 14.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบ ควบคุม กำกับดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด และการกระทำความผิดต่อกฎหมายใดๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์จากผู้กระทำความผิด การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพัน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งคดีอาญา ทางวินัยและทางปกครอง อย่างถึงที่สุด ณ.ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 7 ชั้น 2 ถ.ข้างวัง ตำบล พระปฐมเจดีย์ อำเภอ เมืองนครปฐม จังหวัด นครปฐม