เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมที่ทำการปกครอง ศาลากลาง จ.ตาก ได้มีการจัดประชุมคณะทํางานเพื่อสัมภาษณ์ สังเกต พฤติกรรม และทดสอบความรู้ภาษาไทย ซึ่งเป็นขั้นตอนในการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติไทยของชนกลุ่มน้อย กรณีผู้ขออายุเกิน 60 ปีขึ้นไป (มีใบถิ่นที่อยู่และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว) ผู้ยื่นคำขอตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 โดยมี พ.ญ.ซินเทีย หม่อง ผู้ก่อตั้งแม่ตาวคลินิก และเจ้าของรางวัลแม็กไซไซ ประจำปี 2546 เข้ารับการสัมภาษณ์โดยเป็นการขอแปลงสัญชาติในกลุ่มผู้ทําคุณประโยชน์ต่อประเทศ ตามมาตรา 11 (1)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมดังกล่าวมีนายทัศนัย สุธาพจน์ ปลัดจังหวัดตาก เป็นประธาน โดยการสอบสัมภาษณ์มีการแนะนำตัว และประวัติการทำงานของ พญ.ซินเทีย ซึ่งรักษาผู้ป่วยบริเวณชายแดนไทยพม่าและทำงานเพื่อป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง อาทิ มาลาเรีย การส่งเสริมสาธารณสุขของประชาชนชายแดนมาอย่างยาวนาน  โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น

นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒสภา และกรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มูลนิธิพชภ. ได้ทำหนังสือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อสนับสนุนการขอแปลงสัญชาติของ พ.ญ.ซินเทีย ในฐานะผู้ที่ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ โดยหนังสือระบุว่า พชภ. ได้ดําเนินงานรณรงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการไร้สัญชาติของผู้เฒ่า ซึ่งสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้สนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับนโยบายที่ทําให้ผู้เฒ่าไร้สัญชาติที่เกิดในประเทศไทย และเกิดนอกประเทศไทย แต่เข้ามีภูมิลําเนาอยู่ในรัฐไทยจนกลมกลืนกับสังคมไทย สามารถเข้าถึงสิทธิในการยื่นคําร้องขอมีสัญชาติไทย หรือขอแปลงสัญชาติเป็นไทยได้โดยสะดวกและเป็นธรรม 

นางเตือนใจกล่าวว่า มูลนิธิพชภ.ได้ติดตามการทํางานด้วยหลักมนุษยธรรมของ พ.ญ.ซินเทียด้านสาธารณสุข โดยแม่ตาวคลินิก ซึ่งทําหน้าที่เป็นด่านหน้าในการป้องกันโรคระบาดไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศไทย และ แบ่งเบาภารกิจด้านการรักษาพยาบาลตามแนวชายแดนไทยพม่า เฉลี่ยปีละ 30,000 คน เป็นมูลค่าปีละ 48 ล้านบาท รวม 34 ปี จํานวน 1,000,000 คนขึ้นไป เป็น มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,800 ล้านบาท โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ นอกจากนี้ พ.ญ.ซินเทียได้ก่อตั้งศูนย์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อเด็กด้อยโอกาสขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2538 เพื่อให้ลูกหลานผู้พลัดถิ่น ได้รับการศึกษา ซึ่งมีผลในการคุ้มครองเด็กไม่ให้เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ และยาเสพติด 

“ด้วยการอุทิศตนทํางานเพื่อเพื่อนมนุษย์ พชภ. ร่วมกับภาควิชาการ และภาครัฐ จึงเห็นสมควรสนับสนุนให้นางซินเทียค่าได้ยื่นคําร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ในกลุ่มผู้ทําคุณประโยชน์ต่อประเทศตาม มาตรา 10 และมาตรา 11(1) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ” นางเตือนใจ กล่าวและว่าขอบคุณกระทรวงมหาดไทย อำเภอแม่สอด และจ.ตาก ที่ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว ด้วยความเข้าใจว่า พ.ญ.ซินเทียได้ทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสิทธิมนุชนแก่ประชาชนชายแดนและคนไทย หลังจากนี้หวังว่า นายอนุทิน ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย จะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย และผลักดันให้เป็นงาน flagship ของกระทรวงมหาดไทย ดังที่ไทยได้ให้คำมั่นแก่ที่ประชุมของสหประชาชาติไว้”นางเตือนใจ กล่าว