วันที่ 11 กันยายน 2566 เวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน มีครอบครัวรวมถึงญาติมิตรข้าราชการ และบุคคลที่เคยทำงานใกล้ชิดกับ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ เดินทางมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพ โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน นำข้าราชการตำรวจ ในการวางดอกไม้จันทร์ จากนั้น เพื่อนข้าราชการตำรวจ ทยอยเดินขึ้นวางดอกไม้จันทร์ ซึ่งพิธีถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ
ขณะที่กลุ่มเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 67 เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ทางหลวง ร่วมกันขับร้องเพลงสน.สามพราน ต่อหน้าศพ สารวัตรศิวกร สื่อให้สารวัตรได้ยิน ว่า เพื่อนกันเป็นแล้วไม่หาย เป็นเพื่อนกันตลอดไป ทันทีที่ขับร้อง ฝนก็ได้โปรยปรายลงมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ไม่มีท่าทีว่าฝนจะตกแต่อย่างใด
ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีเพื่อนข้าราชการตำรวจ บางนายถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อครอบครัวอ่านประวัติของสารวัตรศิวกร และยิ่งรู้ว่า สารวัตรศิวกรถูกยิงเสียชีวิต เพราะไม่ยอมรับสินบนของกลุ่มผู้มีอิทธิพล ทุกคนต่างเชิดชู และพูดถึงตำรวจน้ำดีท่านนี้
สำหรับประวัติของ สารวัตรศิวกร เริ่มรับราชการตำรวจ ตำแหน่งสารวัตรสืบสวน ที่สน.สามเสน ก่อนย้ายมาเป็นสารวัตร สืบสวน กอง 1 กองบังคับการปราบปราม เป็นนายตำรวจฝีมือดีซื่อตรง เป็นลูกน้องที่ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ไว้วางใจ ถูกส่งไปแก้ปัญหาเรื่องส่วยรถบรรทุก ในพื้นที่ทางหลวง 2 ก่อนถูกยิงเสียชีวิต
ทั้งนี้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อายุ 32 ปี เกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2534 ที่ จังหวัดนครพนม เป็นบุตรของ ร.ท.ศิลนา สายบัว และนางทัศนัย สายบัว มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม 1 คน ได้แก่ ทันตแพทย์หญิง อภิชญา สายบัว และมีพี่น้องที่ร่วมเติบโต 2 คน ได้แก่ คุณพิมพ์นารา ศุภจรัสพัฒน์ และคุณภัชฎา อินธิโส
พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ได้สมรสกับ น.ส.เขมินทรา จิรสัจจานุกุล มีบุตรธิดา 1 คน
ประวัติการศึกษา พ.ต.ต.ศิวกร จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 และระดับมัธยมศึกษา
ปีที่ 1- 3 จาก รร.ฤทธิยะวรรณาลัย จากนั้นได้เข้ารับการศึกษาที่ รร.เตรียมทหาร รุ่นที่ 51 และสำเร็จการศึกษาจาก รร.นรต. รุ่นที่ 67
พ.ต.ต.ศิวกรเป็นคนรักครอบครัว อัธยาศัยดี มีอารมณ์ขัน มักจะสร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ เป็นคนตรงไปตรงมา ใส่ใจเพื่อนฝูง จึงเป็นที่รักของเพื่อน ๆ นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีสามารถด้านกีฬา มีใจรักในการเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ครั้งศึกษาอยู่ใน รร.นรต.ได้เลือกเข้าชมรมฟุตบอลอีกด้วย
ส่วน ประวัติการทำงานปี พ.ศ.2557 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองสารวัตร (สอบสวน)กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม จากนั้นในปี พ.ศ. 2562 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ต่อมาในปี พ.ศ.2563 พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ได้รับการแต่งตั้งในระดับที่ สูงขึ้น โดยดำรงตำแหน่ง สารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และในปี พ.ศ.2566 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สารวัตร สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต
พ.ต.ต.ศิวกรเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีปฏิภาณไหวพริบ มีความรับผิดชอบต่องานในหน้าที่อย่างยิ่ง มีความโอบอ้อมอารี รักพวกพ้อง รักพี่น้อง มีความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รักของผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดระยะเวลาที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบ พ.ต.ต.ศิวกร ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจและสติปัญญา ทำงานเพื่อสร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ซึ่งการจากไปของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ครอบครัว เพื่อนพี่น้องและเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง แม้ในวาระสุดท้ายก่อนสิ้นลม พ.ต.ต.ศิวกร ยังมี ความอดทนและเข้มแข็ง มีใจต่อสู้ที่จะมีชีวิตอยู่
โดยประโยคสุดท้าย พ.ต.ต.ศิวกร สายบัวได้กล่าวว่า "ผมยังตายไม่ได้ ผมมีลูกน้องที่ต้องดูแล..." จะมีสักกี่คนที่แม้ในนาทีสุดท้ายของชีวิต ยังตระหนักถึงบทบาทของการเป็นนายตำรวจที่ดี การสูญเสียในครั้งนี้จึงนับว่า เป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลผู้ทรงคุณค่าของประเทศชาติอีกด้วย




