วันที่ 11 ก.ย.2566 เวลา 11.25 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภ ในการประชุมรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  อภิปรายว่า   มาตรฐานของนโยบายรัฐบาลชุดนี้สวนทางกับความสูงของนายกฯ การตั้งโจทย์ประเทศมีความคลุมเครือ นโยบายเลื่อนลอยขาดความชัดเจน ฟุ่มเฟือยด้วยวาทกรรมวนไปวนมา นโยบายที่หาเสียงกับนโยบายที่แถลงกลับเป็นเสมือนหนังคนละม้วน ไม่ตรงปกอย่างที่มีการวิจารณ์เป็น นโยบายน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหร่งเหรง ทั้งนี้ขอให้ความเห็นไม่เกิน 10 นโยบาย 1.เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท มีการหาเสียงอึกทุกครึกโครมสร้างความหวังให้ผู้ที่จะจบใหม่ ขอถามว่า นโยบายนี้หายไปไหน กลายเป็นนโยบายบนินจาที่หายไปแบบไร้ร่องรอย ตนขอทวงสัญญานี้แทนประชาชน 2.ค่าแรงขั้นต่ำ 600บาท ต่อวันที่ถือเป็นนินจาตัวที่ 2 ซึ่งตอนหาเสียงมีหลายฝ่ายทักท้วง ถึงการผลักภาระให้กับประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยกลับไปฟังคำทักท้วงจนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็น600 บาท ภายในปี 2570 แต่เมื่อตรวจสอบในคำแถลงนโยบายกลับไม่มีเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ และเปลี่ยนเป็นนโยบายที่เหลือแค่บรรทัดเดียว คือ "ค่าแรงที่เหมาะสมและเป็นธรรม" เท่านั้น 3.รถไฟฟ้า20 บาทตลอดสาย ตอนหาเสียงบอกว่าทำทันที ตอนนี้ไม่ทราบว่าไปจอดหลับอยู่ที่สถานีไหน คำถามคือเรื่องนี้จะเอาเงินที่ไหนมาทำและจะต้องเอาเงินไปชดเชยบริษัทเอกชนหรือไม่อย่างไร 4.นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ การเติมเงินให้ทุกครอบครัวที่รายได้ต่ำกว่า 2 หมื่นบาททุกเดือนแต่วันนี้กลับหายเข้ากลีบเมฆไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน เรื่องนี้มีความเห็นจากนักวิชาการเกี่ยวกับเม็ดเงิน1แสนล้านที่จะต้องนำมาเติมถามว่าท่านจะเอาเงินมาจากไหน 5.การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตอนหาเสียงมีการระบุว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการทุกจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม แต่กลับไม่ปรากฎในคำแถลงนโยบาย แต่กลับถูกแปลงโฉมไม่เป็น "ผู้ว่าซีอีโอ"เปลี่ยนจากการกระจายอำนาจเป็นการรวบอำนาจสู่การปกครองท้องถิ่นย้อนยุคไป 20 ปี


นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ต้องพูดเพื่อให้รัฐบาลได้ตระหนักว่าหาเสียงได้แต่ต้องมีความรับผิดชอบ อย่าให้เหมือนตอน ไล่หนูตีงูเห่าสุดท้ายทั้ง หนู และ งูเห่า มาอยู่ด้วยกัน และเป็นแค่เทคนิคหาเสียงหรือแค่ นโยบายการละคร 6.ราคาพืชผลการเกษตร ตอนหาเสียงนายเศรษฐาย้ำชัดว่าจะไม่มีจำนำข้าวและประกันรายได้ การไม่มีนโยบายจำนำข้าวถือเป็นเรื่องดีเพราะเป็นต้นตอของการทุจริตคอรัปชั่น สร้างภาระให้กับประเทศ 884,000ล้านบาท และยังต้องใช้หนี้อีก 254,000 ล้านบาท จึงขอถามว่า ถ้านายกฯประกาศว่าไม่ทำทั้งจำนำข้าวและประกันรายได้แปลว่าหลังจากนี้จะไม่มีส่วนต่างพืชผลเกษตรกรใช่หรือไม่ ถ้าวันหนึ่งราคาตกอะไรจะเป็นตัวช่วยเกษตรกรยังชีพได้ นายกฯบอกว่าจะพักหนี้เกษตรกรตนไม่ค้าน แต่เห็นว่าการพักหนี้เป็นเพียงการหยุดต้นหยุดดอก แต่หลังจากพักหนี้ดอกกับต้นก็จะมารวมกันกลายเป็นหนี้ต่อไป การพีกหนี้จึงเป็นเพียงการต่อลมหายใจชั่วคราวเท่านั้น 7.เงินดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท ตนไม่ปฏิเสธว่ารัฐบาลต้องทำ และต้องทำตามที่หาเสียง แต่มีคำถาม 2ข้อ 1.ทำอย่างไร 2.เอาเงินมาจากไหน วันนี้สังคมยังสับสนรูปแบบที่จะทำมาใช้ทั้งแอปเป๋าตัง วันนี้บอกใช้บล็อกเชน ก่อนหน้านี้สำนักงบประมาณฯออกมาระบุถึงงบประมาณสำหรับนโยบายรัฐฐาลชุดนี้ประมาณ 2แสนล้านบาท แต่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตกลับต้องใช้งบ5.6แสนล้านบาท ถามว่าเงินส่วนที่เหลือจะนำมาจากไหน ต่อให้เอางบประมาณ6-7ปีมาใช้ก็ไม่พอ นโยบายดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับนโยบายที่ไปตายเอาดาบหน้าและขอเตือนว่าอย่าให้นโยบายนี้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายเป็นอันขาด


นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า 8.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าประชาธิปัตย์ พร้อมให้การสนุบสนุนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่มีข้อสังเกตถึงนโยบายรัฐบาลการที่ระบุว่าไม่แก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในหมวด 2 เป็นเรื่องดี แต่ขอถามว่า การเขียนไม่ชัด จะสามารถแก้ในหมวด1จำนวน5มาตราได้ใช่หรือไม่ โดยเฉพาะมาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ หรือมาตรา 2  ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เหตุใดจึงไม่เขียนให้ชัดว่าจะไม่แก้หมวด1และหมวดสอง  9.การทุจริตคอรัปชั่นเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะเอาจริงเอาจังมากแค่ไหน เพราะอ่านทั้งเล่มรัฐบาลมีการระบุแค่ ครึ่งบรรทัดในส่วนของนโยบายการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยระบุแค่ว่า "การป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ประชาชนมีส่วนร่วมเท่านั้น รัฐบาลต้องตระหนักว่าจะไม่ทำเหมือนในอดีตเพื่อรักษาประชาธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของประเทศเพราะรัฐบาลในอดีตเคยถูกยึดอำนาจมาื2 ครั้งเพราะเหตุแห่งการทุจริตและการออกกฎหมายล้างผิด ท่านจะต้องไม่ดำเนินการดังกล่าวอีก 10.การประกาศจะฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่มีความเข้มแข็ง รัฐบาลข้ามขั้ว แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็นรัฐบาลสลายขั้ว สลายความขัดแย้งไม่ได้ มีแต่หลักนิติธรรมที่เข้มแข็งเท่านั้น ที่จะทำให้ประเทศของเรามีความหวัง หลักนิติธรรมคืออะไร หลักนิติธรรมคือทุกคนเท่าเทียมกัน ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าคนจนคนรวย คนมีอำนาจคนไม่มีอำนาจไม่เว้นแม้แต่นักโทษ นักโทษรวย นักโทษจน นักโทษเคยมีอำนาจ นักโทษไม่เคยมีอำนาจ นักโทษทุกคนก็ย่อมเท่าเทียมกันและย่อมต้องได้รับการปฏิบัติจากผู้บังคับใช้กฎหมายโดยเสมอกัน นโยบายนี้คือจุดเริ่มต้นของความหวัง นโยบายนี้จะศักดิ์สิทธิ์เป็นจริงได้ อยู่ที่ตัวท่านนายกฯ และรัฐบาล การพระราชทานอภัยโทษ ที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 ก.ย.นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษต้องสำนึก และรัฐบาลก็ต้องสำนึกว่า ผู้ได้รับ พระราชทานอภัยโทษ 1. ยังเป็นผู้มีความผิด ประการที่ 2 หากมีคำพิพากษาศาลสถิตยุติธรรมในคดีใดเกิดขึ้นอีกว่ามีการกระทำความผิด ก็ยังจะต้องรับโทษใหม่ในอนาคต


“จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องตระหนักว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายโดยหลักนิติธรรม เท่าเทียมเสมอหน้าเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนต่อไป ถ้ารัฐบาลก่อนหน้าทำไม่ถูก ท่านก็ทำซะให้ถูก อย่าปล่อยเลยตามเลย อย่าสร้างมาตรฐานใหม่เหยียบย่ำหัวใจคนรักความยุติธรรมและรักความซื่อสัตย์สุจริตให้ต้องหมดกำลังใจ ผมเห็นว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญของรัฐบาล ที่จะทำให้วลีที่เราพูดกันติดปากวลีหนึ่งที่บอกว่า คุกมีไว้แค่ขังคนจนกับคนไม่มีอำนาจมลายหายไปได้ โดยนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ผมขอให้นายกรัฐมนตรีรักษาคำพูด ยึดมั่นในสิ่งที่ได้แถลงผูกพันต่อรัฐสภาไป และขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลประสบความสำเร็จ ในการเร่งฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งให้เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็ว”นายจุรินทร์ กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนายจุรินทร์อภิปรายช่วงหนึ่ง ได้มีส.ส.เพื่อไทย อาทิ น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.   ได้ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของนายจุรินทร์ ในประเด็นนโยบายจำนำข้าว ที่มีการอภิปรายเลยกรอบการอภิปรายมีการพาดพิงรัฐฐาลในอดีต เข้าข่ายอภิปรายเท็จและสร้างความเสียหายให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  รวมทั้งนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ดีแต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีโอกาสที่ทำแต่โดนปฏิวัติเสียก่อน ไม่ต่างอะไรกับกระบวนการไล่ล่าและเปลี่ยนรัฐบาล ส่วนประเด็นการถูกปฏิวัติด้วยการทุจริต เป๋นการใส่ร้ายเกิดเหตุความเป็นจริง สังคมย่อมรู้ว่าการปฏิวัติเกิดขึ้นจากอะไร บางพรรคก็อาศัยบารมีของคณะปฏิวัติ แต่ขณะนี้กำลังสูญเสียอำนาจและสูญเสียอะไรอีกหลายอย่าง

แต่ประธานสภาทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมวินิจฉัยว่า เรื่องดังกล่าวขอให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะชี้แจงต่อไป พร้อมกำชับให้นายจุรินทร์ระมัดระวังการอภิปราย