"เศรษฐา" ฟิตจัด เปิดบ้านพิษณุโลกถกแก้ปัญหายาเสพติด-ความมั่นคง กำชับตำรวจปราบมาเฟีย ล้างบางผู้มีอพิทธิพล ด้าน"สุทิน"ปัดข่าวแต่งตั้งคนตระกูลชินวัตร" นั่งทีมที่ปรึกษา-เลขาฯ รมว.กลาโหม  ขณะที่เลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต.3 ระยอง ค่อนข้างคึกคัก

     ที่บ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก เมื่อวันที่ 10 ก.ย.66  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าประชุมร่วมกับ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงประเด็นยาเสพติด
     
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายเศรษฐาเดินทางมาถึง ได้วางพวงมาลัยสักการะประติมากรรมนารายณ์บรรทมสินธุ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าประตูบ้านพิษณุโลก ทั้งนี้ถือเป็นการเข้าทำงานที่บ้านพิษณุโลกเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกฯ นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้เดินชมภูมิทัศน์บริเวณบ้านพิษณุโลกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเข้าไปภายในตัวบ้าน เพื่อเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานต่อไป 
     
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังร่วมประชุมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือป.ป.ส. กับนายกฯ ว่า นายกฯ ได้ให้แนวทาง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือด้านการท่องเที่ยวที่รัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในส่วนของหน่วยงานความมั่นคงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มองว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากการที่นักท่องเที่ยวจีนไม่เดินทางมาประเทศไทย เพราะมีขั้นตอนยากลำบากในการเดินทางเข้าประเทศ ต้องการเปิดวีซ่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาที่ประเทศไทยได้สะดวกมากขึ้น โดยตำรวจจะมีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัย เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว ให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเน้นย้ำในส่วนด้านความปลอดภัยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเพื่อรองรับนโยบายนี้ ซึ่งจะทำให้โรงแรม ร้านค้า กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของไทย 
     
อีกเรื่องที่นายกฯ ได้มีการเน้นย้ำและเป็นกังวลคือการปราบปรามมาเฟียและผู้มีอิทธิพล และให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายกฯเน้นย้ำแนวทางให้มีการปราบปรามให้ถึงที่สุด รวมถึงที่มีการฮั้วประมูลในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องคดีกำนันนกที่มีเงินเป็นพันล้านบาทภายในเวลาไม่กี่ปี และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ยืนยันว่าตนจะลงไปกำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และตำรวจต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันให้ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ 
     
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า นายกฯ ได้มีการกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำว่า เรื่องคดีกำนันนกนายกฯ ให้สอบสวนให้ถึงที่สุด ส่วนจะมีการออกหมายเรียกตำรวจเพิ่มเติมอีก 6 คนหรือไม่นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน หากสอบสวนแล้วพบว่า เป็นผู้กระทำผิด ก็จะดำเนินการอนุมัติขอหมายจับต่อศาล และออกหมายจับต่อไป ส่วนตำรวจ 3 นาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้นำเซิร์ฟเวอร์ไปทิ้งน้ำจะมีการดำเนินการต่ออย่างไรนั้น ได้มีการกู้เซิฟเวอร์แล้ว และจะใช้เวลา 3-4 วัน ในการกู้ข้อมูล 
     
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของทรัพย์สินของกำนันนกต้องมีการอายัดหรือไม่ รอง ผบ.ตร.  กล่าวว่า ขนาดนี้ยังไม่มีการอายัดทรัพย์สิน เนื่องจากยังไม่เข้าข่ายความผิด ขณะนี้ได้เอกสารและข้อมูลส่วนใหญ่มารวบรวมไว้แล้ว โดยจะมีการสอบสวนเรื่องหัวประมูล หากพบว่ามีการฮั้วประมูลจริงก็จะเข้าความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งจะใช้มาตรการการยึดทรัพย์ได้ 
     
ส่วนตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องรับผิดชอบหรือไม่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์  รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่าในหลักของกฎหมาย หากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การทำลายวัตถุพยานหลักฐาน ซึ่งในเหตุการณ์จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุแล้ววิ่งหนี จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แน่นอน กลุ่มที่สองคือกลุ่มร่วมทำลายพยานหลักฐาน  และพากำนันนกหนี ซึ่งกลุ่มแรกได้มีการออกหมายจับไปบางส่วนแล้ว และกลุ่มที่สาม พาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มนี้ ทั้งนี้ความชัดเจนเริ่มเห็นได้ชัดอย่างต่อเนื่อง
     
อย่างไรก็ตามตำรวจที่มีความเกี่ยวข้อง โดยส่วนใหญ่เป็นตำรวจภาค 7 และตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง (ตำรวจทางหลวง) ซึ่งคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะพยานหลักฐานมีครบ เพียงแค่ตรวจสอบ CCTV และเส้นทางการเงิน คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะสอบสวนเสร็จสมบูรณ์ 
    
 ประเด็นหลักในคดีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยแต่เป็นการขอตำแหน่งหน้าที่แล้วไม่ให้ จึงมีการสั่งยิง ยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งกำนันนกยังคงให้การปฏิเสธ ยืนยันว่ายังไงก็ไม่มีทางหลุดรอกจากคดีนี้ ซึ่งวันนี้มีทั้งคำให้การยืนยัน พยานแวดล้อม ยังไงก็ไม่มีทางหลุด ขณะนี้กำนันนกยังไม่ยื่นของประกันตัว คาดว่าน่าจะกลัว
     
 กำนันนกไม่มีทางหลุด ไม่ให้ตำรวจพื้นที่ทำเพราะอาจมีการหลุดรั่ว ทำให้คดีนี้เป็นตัวอย่าง ว่าใครทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลต้องเจอแบบนี้ ซึ่งวันนี้จะล้างให้หมด

 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ ว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลคือสัญญาประชาคม เข็มทิศในการทำงานตลอด 4 ปี นับจากนี้ไป โดยมีพื้นฐานมาจากนโยบายสาธารณะที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเคยนำเสนอนโยบายมาหาเสียงเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้ง
    
 เพราะฉะนั้นการแถลงนโยบายของรัฐบาลจึงควรทำให้ประชาชนเห็นเป้าหมายและแผนปฏิบัติการเบื้องต้นที่พอจะทำให้ประชาชนคาดหวังได้ว่ารัฐบาลจะทำนโยบายให้สำเร็จได้แบบไหนอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาร่างคำแถลงนโยบายของนายกฯเห็นว่ารัฐบาลเพื่อไทยชุดนี้ซึ่งมีที่มาจากพรรคไทยรักไทย มีมาตรฐานการทำนโยบายต่ำกว่าเดิม ต่ำกว่าสมัยคุณทักษิณและสมัยคุณยิ่งลักษณ์
    
 นายองอาจ กล่าวว่า ในสมัยคุณทักษิณหลายนโยบายมีความชัดเจนเช่น 30 บาทรักษาทุกโรค แม้แต่ในสมัยคุณยิ่งลักษณ์ก็พูดชัดว่าในหนึ่งปีจะมีนโยบายอะไรที่ทำบ้าง แต่นโยบายของรัฐบาลนี้จะแบ่งเป็นนโยบายระยะสั้น นโยบายระยะยาว ไม่รู้ว่าสั้นยาวกี่ปีกี่เดือนกี่วัน นายกฯจึงควรชี้แจงในสภาเพื่อความชัดเจนก่อนที่จะนำนโยบายไปปฏิบัติดังนี้ 1. นโยบายส่วนมากยังขาดเป้าหมาย และไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนที่พอจะทำให้เห็นความสำเร็จของนโยบาย 2. ไม่มีนโยบายที่เคยประกาศหาเสียงไว้หลายเรื่อง บางเรื่องก็คลุมเครือจนไม่เห็นทิศทางที่แน่ชัดว่าจะทำอย่างไร 3. นโยบายหลายเรื่องตอนหาเสียงบอกว่าจะลงมือทำทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล แต่ไม่มีปรากฎในนโยบายว่าจะทำทันที 4. รายละเอียดของแผนปฏิบัติการที่พอทำให้มั่นใจได้ว่าจะนำนโยบายไปทำให้เกิดผลได้ ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐมนตรีชี้แจงจนสับสนอลหม่าน ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะทำได้
     
  "นายกฯควรใช้โอกาสของการแถลงนโยบายนี้ชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ประชาชนคาดหวังต้องการต่อไป"นายองอาจ กล่าว
     
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเอกสารร่างคำสั่งกลาโหมหลุดออกมา โดยในเนื้อหาเตรียมแต่งตั้งประธานที่ปรึกษารมว.กลาโหม , เลขานุการประจำตัวรมว.กลาโหม , หัวหน้าสำนักงานรมว.กลาโหม , รองหัวหน้าสำนักงานรมว.กลาโหม และคณะที่ปรึกษารมว.กลาโหม ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง 2535 ที่ รมว.กลาโหม สามารถ แต่งตั้งบุคคลซึ่งเห็นสมควรตามเหตุผลในทางการเมือง คือ 1. นายพายัพ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ดูแลภาคอีสาน น้องชายนายทักษิณ ชินวัตร  เป็นประธานที่ปรึกษา รมว. กลาโหม
     
  2.นายพอพงษ์ ชินวัตร บุตรชาย นายพายัพ เป็นเลขานุการประจำตัว รมว.กลาโหม 3.พล.ท.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ เจ้ากรมการเงินกลาโหม เป็นหัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม จากเดิมที่เป็นชื่อ พล.อ.เลิศฤทธิ์ ช่องวารินทร์ 4.พล.ท.เพชรรัตน์ ลิ้มประเสริฐ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น รองหัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม 5.พล.อ.ต.วรชาติ ฟองชล ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น คณะที่ปรึกษารมว.กลาโหม 6.พล.ต.อัครภณ ทองสุทธิ์ ผู้ชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น คณะที่ปรึกษารมว.กลาโหม
    
 จากกรณีข่าวดังกล่าว นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ "สุทิน คลังแสง" ระบุข้อความว่า "ตามที่มีกระแสข่าวว่าผมแต่งตั้งบุคคลรับตำแหน่งต่างๆ นั้น ผมขอเรียนว่า ยังไม่มีการแต่งตั้งหรือเตรียมแต่งตั้งใครเลย เพราะ ณ เวลานี้ ผมยังไม่สามารถสั่งราชการได้ เพราะต้องรอกระบวนการตามกฎมายคือ ต้องหลังจาก การแถลงนโยบายต่อสภาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ครับ
   
  ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ระยอง เขต 3 ก่อนเปิดหีบให้ประชาชนเข้าไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งซ่อมส.ส.ระยอง ในช่วงเช้าเวลา 08.00 น. มีประชาชนทยอยมาใช้สิทธิเลือกตั้งค่อนข้างหนาตา โดยเฉพาะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 5 ศาลาชุมชนบ้านแหลมยาง เทศบาล ต.เมืองแกลง มี นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารอลงคะแนนเสียงตั้งแต่ก่อนเปิดหีบบัตร ซึ่งก่อนจะถึงเวลาเปิดให้ลงคะแนนเสียง นพ.บัญญัติ ได้ตรวจสอบรายชื่อพบอยู่ในลำดับ 196 ก่อนจะรับบัตรเลือกตั้ง และเข้าคูหาเพื่อลงคะแนนเสร็จเดินทางกลับทันที เพื่อไปรอฟังผลการนับคะแนนที่บ้าน 
   
  ขณะที่บรรยากาศการลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 9 เทศบาลตำบลเมืองแกลง สมาคมพุทธศาสตร์สงเคราะห์(โรงเจ) ประชาชนต่างทยอยเดินทางมาลงคะแนนเสียงอย่างคึกคักเช่นเดียวกัน โดยมาเข้าแถวรอคิวลงคะแนนเลือกตั้ง ตั้งแต่ก่อนเปิดหีบบัตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้จัดเก้าอี้รองรับประชาชนที่มารอคิวดังกล่าว
    
 ต่อมา นายเสริมศักดิ์ การุญ อดีตรมช.คลัง ได้เดินทางมาลงคะแนนเสียง โดยได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขอให้เลือกคนที่มาแก้ไขปัญหาของเราได้ โดยเฉพาะปัญหาน้ำเพื่อการเกษตร ต้องสามารถแก้ไขปัญหาได้
    
 น.ส.กานต์จรัส เอียดทองใส นายอำเภอแกลง ในฐานะประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 3 ระยอง กล่าวว่า การเปิดหน่วยเลือกตั้งทั้ง 207 หน่วยของ อ.แกลง และ อ.เขาชะเมา ไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งตั้งแต่เปิดหีบบัตรเวลา 08.00 น.มีประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาลงคะแนนเสียงอย่างคึกคัก จึงขอเชิญขวนให้พี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงกัน โดยใช้บัตรประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ หรือใช้แอพ THAID เพื่อแสดงตัวในขอลงคะแนนเสียงได้
   
  ด้าน นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งที่ 9 เทศบาล ตำบลเมืองแกลง สมาคมพุทธศาสตร์สงเคราะห์(โรงเจ) ก่อนจะเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 10 ศาลาเมรุวัดดอนมะกอกล่าง ม.3 เทศบาลปากน้ำประแส อ.แกลง
     
โดย นายไตรภพ กล่าวว่า ได้รับรายงานภาพรวมการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีประชาชนให้ความสนใจมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก ในช่วงเช้ามีผู้มาใช้สิทธิแล้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างการจัดการเลือกตั้ง มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
     
สำหรับการทุจริตการเลือกตั้ง พบเพียงที่ปรากฏทางโซเชียลเท่านั้น ยังไม่มีการรายงานเข้ามาทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ หรือ กกต. มีเพียงแจ้งมาว่าจะมีการซื้อเสียง แต่ก็ยังไม่พบ เบื้องต้นได้กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน วางตัวเป็นกลาง หากพบการกระทำผิดหรือวางตัวไม่เป็นกลาง ได้สั่งให้นายอำเภอแกลง นำตัวมาประจำยังที่ว่าการอำเภอทันที อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งซ่อม คาดการณ์ว่าคนจะออกมาใช้สิทธิน้อย ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศมืดครึ้ม แต่ก็ได้มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้มีสิทธิออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองท้องถิ่น ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ซึ่งยังพอมีเวลาในช่วงบ่าย โดยต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน หรือแสดงตนผ่านแอพ THAI D มาลงคะแนนยังหน่วยเลือกตั้งได้