สุรินทร์ เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง ตรวจจับหนุ่มใหญ่ ลักลอบตัดและชุกซ่อนไม้พะยูง ภายในบ้านเพื่อรอขายต่อ ยอมรับมีคนนำไม้พะยูง มาให้ตนตัดแต่งให้เพื่อขายต่อ


วันนี้(10 ก.ย.2566)เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้ง จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแจ้งความนำจับ บริเวณบ้านเลขที่ 57 บ้านตระเวง หมู่ที่ 2 ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัด มีการนำไม้พะยูงมาแปรรูปและซุกซ่อนไว้เพื่อรอจำหน่าย จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสถานีตำรวจภูธรบัวเชด, เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.1, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบัวเชด และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน - ห้วยสำราญ เพื่อร่วมตรวจสอบบริเวณที่ได้รับแจ้ง เมื่อเดินทางถึงบริเวณที่ได้รับแจ้ง พบว่าลักษณะบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สภาพรอบบ้านไม่มีรั้วรอบขอบชิดสามารถมองเห็นจากภายนอกได้ชัดเจน คณะเจ้าหน้าที่ได้มองสำรวจรอบบริเวณบ้าน พบว่าบริเวณหลังบ้านซึ่งเป็นบริเวณครัวบ้าน พบเห็นเศษปีกไม้และเศษขี้เลื่อยกองอยู่เป็นจำนวนมาก


 จากนั้นได้ประสานกับ นายธนากร จันทรถาวร  ผู้ใหญ่บ้านตระเวง หมู่ที่ 2 ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ มาร่วมตรวจสอบ ในบริเวณหน้าบ้านพบชาย จำนวน 1 คน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว และสอบถามชายดังกล่าว ทราบชื่อว่า นายจำนงค์ และรับว่าเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าว สอบถามเกี่ยวกับเศษไม้พะยูงที่พบเห็นอยู่บริเวณข้างครัว

นายจำนงค์ สิงห์เทพ ให้การว่า เป็นเศษไม้พะยูงที่ตนเองรับจ้างแปรรูป โดยมีนายศิวะ หรือเทพ เป็นผู้นำมาให้ตนเองแปรรูป โดยได้ค่าจ้างท่อนละ 200 บาท ต่อมานายจำนง ได้พาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในห้องครัวด้วยความสมัครใจ จากการตรวจภายในครัวพบไม้พะยูงแปรูป (ถากกลม) ลักษณะใหม่ จำนวน 6 ท่อน และพบไม้พะยูงท่อน ลักษณะเป็นไม้แก่นล่อน นับได้ จำนวน 23 ท่อน และบริเวณกองไม้ยังพบเลื่อยโซ่ยนต์ วางอยู่ จำนวน 1 เครื่อง สอบถามนายจำนงค์ ให้การว่าได้ใช้เลื่อยโซ่ยนต์เครื่องดังกล่าวในการแปรรูปไม้พะยูง ที่ตรวจพบ สอบถามถึงหลักฐานการได้มาของไม้ นายจำนงค์ ถึงหลักฐานการได้มาของไม้ นายจำนงค์ ไม่มีมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ แต่อย่างใด คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 ลำดับที่ 161 และเห็นว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 จึงได้แจ้งให้นายจำนงค์ ทราบว่าจะต้องถูกจับกุม โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 48 ฐาน “แปรรูปไม้หวงห้าม(ไม้พะยูง) โดยไม่ได้รับอนุญาต” และมาตรา 69 ฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง) อันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรูปรอยดวงตราค่าภาคหลวง หรือตรารัฐบาลขาย โดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้แจ้งสิทธิ์ในการจับกุมแล้ว ให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา 


จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันตรวจยึดไม้พะยูงท่อน (ลักษณะเป็นไม้แก่นล่อน) จำนวน 23 ท่อน  ปริมาตร 0.169 ลูกบาศก์เมตร  ค่าภาคหลวง 13.52  บาท มูลค่าความเสียหาย 42,250 บาท ไม้พะยูงแปรรูป(ถากกลม) ลักษณะใหม่ จำนวน 6 ท่อน ปริมาตรรวม 0.074 ลูกบาศก์เมตร  ค่าภาคหลวง 11.84  บาท มูลค่าความเสียหาย 37,000 บาท  รวมไม้พะยูงที่ตรวจยึดทั้งสิ้น จำนวน 29 ท่อน ปริมาตร 0.243 ลูกบาศก์เมตร  ค่าภาคหลวง 25.36  บาทมูลค่าความเสียหาย 79,250 บาท และเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง  ไว้เป็นของกลางและอุปกรณ์การกระทำผิด


พร้อมทั้ง  มอบเรื่องราวให้ ร.ต.อ.ปราโมทย์  เที่ยงธรรม รอง สว.กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ เป็นผู้นำเรื่องราวเข้าร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบัวเชด อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ และได้ใช้ดวงตรา ของทางราชการ ตีประทับไว้ที่หน้าตัดของไม้พะยูงท่อน ส่วนไม้ของกลางและอุปกรณ์การกระทำผิดจะได้ขออนุญาตพนักงานสอบสวน เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ทีไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.1 ตำบลบ้านชบ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ตามระเบียบต่อไป