รายงานพิเศษ : ทีมข่าวกทม.
สืบเนื่องจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ไฟเขียวย้ายโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยกทม.แผนเดิมจะสร้างที่ จ.นครปฐม มาสร้างที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกทม.เขตหนองจอก ทำให้มีแนวโน้มว่าจะยกเลิกผลประกวดราคาผู้ก่อสร้างโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ผู้บริหาร กทม.ในปัจจุบันไม่ยอมลงนามสัญญาจ้าง จนเกิดกระแสข่าวนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.กับ รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. มีความขัดแย้งถึงขั้นตบโต๊ะจะเปลี่ยนตัวรองผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากไม่ยอมดำเนินการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยแห่งนี้ให้แล้วเสร็จ ตามที่นายชัชชาติประกาศผลักดันไว้ในนโยบายหาเสียง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ยืนยันแล้วว่า ตนกับ รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช ยังรักกันดี ไม่มีปัญหาตามกระแสข่าว โดยอธิบายว่า กระแสข่าวเกิดจาก กทม.มีแผนสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยกรุงเทพมหานคร ที่ จ.นครปฐม พื้นที่ติดริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นแผนระยะยาวมูลค่ารวมโครงการกว่า 2-3 พันล้านบาท โดยแบ่งการก่อสร้างเป็น 3 ระยะ มีการอนุมัติดำเนินการระยะแรกไปแล้วกว่า 6 ร้อยล้าน ซึ่งเปิดประกวดราคาไปแล้วก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง
“โครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยกรุงเทพมหานคร จากเดิมที่จะก่อสร้างบนพื้นที่ ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม เนื้อที่ 57 ไร่ 3 งาน 86 ตารางวา มาสร้างที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เนื่องจาก แผนการก่อสร้างเดิมที่ จ.นครปฐม มีปัญหาเรื่องผังเมือง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ตามผังเมืองสีเขียวและสีเหลือง ไม่ใช่สีน้ำเงินซึ่งสามารถก่อสร้างหน่วยงานของราชการได้ รวมถึงยังไม่ได้รับอนุญาตจากสภากทม.ในการสร้างศูนย์ฝึกฯนอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งการย้ายมาสร้างในพื้นที่ของกทม.เองจะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยรอบพื้นที่ รวมถึง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถเรียกกำลังดับเพลิงและกู้ภัยเข้าจุดเกิดเหตุได้สะดวกรวดเร็วกว่าอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม” นายชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้เมื่อแรกได้ยินแนวทาง การย้ายโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยกทม.ไปสร้างที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกทม.เขตหนองจอก ก็หวนให้นึกถึงอีกหนึ่งโครงการที่กทม.พยายามผลักดันให้เกิดขึ้นมานาน คือ “โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร” ที่จะถูกสร้างในพื้นที่นี้เช่นกัน หากศูนย์ฝึกอบรมกู้ภัยกทม.จะมาสร้าง อย่างนี้โรงเรียนจะยังเกิดขึ้นอยู่หรือไม่หรือกลายเป็นหมันไปอีกครั้ง
พื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมของสถาบันพัฒนาข้าราชการกทม.เขตหนองจอก แห่งนี้อยู่ติดกับพื้นที่ของสนามบางกอกอารีนา ปัจจุบันมีศูนย์กีฬาบางกอกอารีนาเปิดให้บริการประชาชนอยู่ในบริเวณ แผนการใช้พื้นที่ในสมัยผู้บริหารชุดที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมการหารือร่วมหลายหน่วยงานได้ข้อสรุปการใช้พื้นที่ในการจัดสรรเพื่อก่อสร้างโรงเรียนกีฬากทม. ศูนย์นันทนาการ สถานีดับเพลิง และศูนย์บริการสาธารณสุข ซึ่งยังไม่ได้เริ่มดำเนินการแต่อย่างใด ในส่วนของโรงเรียนกีฬากทม. ได้มีการออกแบบไว้แล้ววงเงินก่อสร้างรวมกว่า 1 พันล้านบาท เป็นโรงเรียนกีฬาที่สมบูรณ์แบบครบวงวร มีทั้งอาคารเรียน หอพักนักเรียน สนามกีฬาในร่ม อาคารกีฬาในร่ม สนามฟุตบอลและอัฒจันทร์ รวมถึงปรับบึงน้ำเป็นศูนย์กีฬาทางน้ำ
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงเรียนกีฬากทม.นั้นเริ่มมีแผนจะทำจริงจังมาตั้งแต่สมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ต่อเนื่องสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ปัจจุบันสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กำกับดูแลอยู่ระหว่างจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน ในแผนจะมีการโอนย้ายบุคคลากรจากสำนักการศึกษามารวม 36 อัตรา และจะสามารถรับนักเรียนกีฬาเข้าเรียนได้เพิ่มเป็น 1,200 คน จากปัจจุบันมีนักเรียนกีฬา กทม. ประมาณ 700 คน เรียนอยู่กับโรงเรียน กทม. 3 แห่ง คือ รร.วิชูทิศ ฝึกซ้อมที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง , รร.นาหลวง ฝึกซ้อมที่ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งครุ และ รร.วัดทองสัมฤทธิ์ ฝึกซ้อมที่ ศูนย์กีพาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มีนบุรี
ด้าน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม.กำกับดูแลสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องที่ยว และสำนักการศึกษา กล่าวว่า ตามแผนเดิมโรงเรียนกีฬากทม.เป็นโครงการใหญ่ วงเงินสูง 1 พันกว่าล้านบาท ตนได้ให้ทบทวนโครงการในรายละเอียดการก่อสร้างอาจไม่ต้องถึงขนาดนั้น อยู่ระหว่างทบทวนแนวทางที่เหมาะสม อาจใช้อาคารของโรงเรียนกทม.ที่ใช้เรียนอยู่ขณะนี้ค่อยๆปรับ รับเฉพาะนักเรียนกีฬาเข้ามาแทนที่นักเรียนปกติที่จะจบการศึกษาไปเพื่อทำเป็นโรงเรียนกีฬาเต็มรูปแบบ ซึ่งก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่พิจารณาอยู่ อย่างไรก็ดี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ มีแนวทางที่จะก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัย กทม. ในพื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการฯ หนองจอก ก็อาจจะให้ดำเนินการก่อน เพราะโรงเรียนกีฬาฯยังคงต้องทบทวนรายละเอียดอยู่
ขณะที่ รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม.กำกับดูแลสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า การสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัย กทม. เป็นเรื่องเร่งด่วนตามนโยบายผู้ว่าฯ ชัชชาติ ซึ่งตนได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยตรวจสอบข้อมูลแผนดำเนินการที่โครงการตั้งไว้ว่าจะไปก่อสร้างที่ จ.นครปฐม ซึ่งพบว่าไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยเหตุผลเรื่องผังเมือง ซึ่งทาง จ.นครปฐมยังไม่สามารถเปลี่ยนสีผังเมืองให้ในเร็วๆนี้ ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนสีผังเมืองจะต้องใช้ระยะเวลาทำการศึกษาตามขั้นตอนอีกนาน จึงต้องย้ายมาสร้างบนพื้นที่ กทม. ที่หนองจอก ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที แต่อาจจะต้องยกเลิกโครงการเดิมและตั้งโครงการใหม่เพื่อก่อสร้างที่หนองจอกได้
ส่วนกรณีแผนเดิมที่เคยมีการจะก่อสร้างโรงเรียนกีฬา กทม. ในพื้นที่ของสถาบันพัฒนาข้าราชการฯ หนองจอก นั้น หากผู้บริหาร ได้หารือกันแล้วจะต้องสร้างในพื้นที่เดียวกันนี้ ก็จะให้มีการวางแผนดำเนินการไปในคราวเดียวกันเลยไม่ต้องมาทำกันหลายครั้ง ซึ่งตนก็เห็นด้วยอย่างยิ่งที่กรุงเทพมหานครจะมีโรงเรียนกีฬาของเราเอง เพื่อจะได้พัฒนานักเรียนกีฬาได้เฉพาะทางไม่ปะปนกับโรงเรียนภาคปกติที่อาจจะมีการจัดหลักสูตรเวลาเรียนไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามคงต้องมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้ง