วันที่ 10 ก.ย. 2566
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลคือสัญญาประชาคม เข็มทิศในการทำงานตลอด 4 ปี นับจากนี้ไป โดยมีพื้นฐานมาจากนโยบายสาธารณะที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเคยนำเสนอนโยบายมาหาเสียงเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้ง

เพราะฉะนั้นการแถลงนโยบายของรัฐบาลจึงควรทำให้ประชาชนเห็นเป้าหมายและแผนปฏิบัติการเบื้องต้นที่พอจะทำให้ประชาชนคาดหวังได้ว่ารัฐบาลจะทำนโยบายให้สำเร็จได้แบบไหนอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาร่างคำแถลงนโยบายของนายกฯเห็นว่ารัฐบาลเพื่อไทยชุดนี้ซึ่งมีที่มาจากพรรคไทยรักไทย มีมาตรฐานการทำนโยบายต่ำกว่าเดิม ต่ำกว่าสมัยคุณทักษิณและสมัยคุณยิ่งลักษณ์

นายองอาจ กล่าวว่า ในสมัยคุณทักษิณหลายนโยบายมีความชัดเจน เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค แม้แต่ในสมัยคุณยิ่งลักษณ์ก็พูดชัดว่า ในหนึ่งปีจะมีนโยบายอะไรที่ทำบ้าง แต่นโยบายของรัฐบาลนี้จะแบ่งเป็นนโยบายระยะสั้น นโยบายระยะยาว ไม่รู้ว่าสั้นยาวกี่ปีกี่เดือนกี่วัน นายกฯจึงควรชี้แจงในสภาเพื่อความชัดเจนก่อนที่จะนำนโยบายไปปฏิบัติดังนี้ 1. นโยบายส่วนมากยังขาดเป้าหมาย และไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนที่พอจะทำให้เห็นความสำเร็จของนโยบาย 2. ไม่มีนโยบายที่เคยประกาศหาเสียงไว้หลายเรื่อง บางเรื่องก็คลุมเครือจนไม่เห็นทิศทางที่แน่ชัดว่าจะทำอย่างไร 3. นโยบายหลายเรื่องตอนหาเสียงบอกว่าจะลงมือทำทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล แต่ไม่มีปรากฎในนโยบายว่าจะทำทันที 4. รายละเอียดของแผนปฏิบัติการที่พอทำให้มั่นใจได้ว่าจะนำนโยบายไปทำให้เกิดผลได้ ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐมนตรีชี้แจงจนสับสนอลหม่าน ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะทำได้

"นายกฯควรใช้โอกาสของการแถลงนโยบายนี้ชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ประชาชนคาดหวังต้องการต่อไป"นายองอาจ กล่าว