วันที่ 9 ก.ย.2566 ชื่อมหาวิทยาลัยรังสิต นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ร่วมเวทีวิชาการ นำเสนอ และรับฟังรายงานหัวข้อความมั่นคงไทยในระเบียบโลกใหม่ ความท้าทายทางภูมิศาสตร์ จัดโดยนักศึกษาหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิต ผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง วิทยาลัยนวัตกรรมสังคมมหาวิทยาลัยรังสิต
โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์อรรถวิท อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุริยะใส กตะศิลา คณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคมมหาวิทยาลัยรังสิต ให้การต้อนรับ และรับฟังการนำเสนอรายงานการศึกษาของนักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต เกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เชื่อมโยงกับไทย ใน 3 พื้นที่คือมุกดาหาร ภูเก็ต และเชียงราย
ขณะที่นายสุทิน สะท้อนมุมมองว่า ได้เดินทางไปพบบุคคลต่างๆเพื่อหาความรู้จากหลายที่ ก่อนรับตำแหน่ง โดยหนักใจว่านิยามความมั่นคงของแต่ละฝ่ายจะตรงกันหรือไม่ และได้ไปรับฟังข้อมูลจากสภาความมั่นคง (สมช.) ระบุว่า นิยามความมั่นคงคือต่อสู้ภัยคุกคามใหม่ 9 ด้าน คือ ความขัดแย้งในสังคม ความไม่เชื่อมั่นสถาบันการเมือง การขาดความสมดุลของสภาวะแวดล้อม ปัญหาโรคระบาด สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก่อการร้าย- อาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาแรงงาน-ผู้หลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด และความยากจน
ทั้งนี้ถือว่าตรงกับทางนักวิชาการที่ได้รับฟังมาหลายที่ ดังนั้นในมุมมองกระทรวงกลาโหมต่อไปนี้จะซื้ออาวุธน้อยลง ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ที่ถูกตั้งคำถามตั้งแต่มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ย้ำกับทางกองทัพเรือว่า การจัดหาเรือดำน้ำ ต้องคำนึงถึงความจำเป็น ซึ่งหากรับไม่ได้กับเครื่องยนต์จีนก็ต้องเจรจา และหาทางออก เช่น จัดหาเรือผิวน้ำแทน หรือยกเลิกสัญญาเปลี่ยนเป็นนำเข้าปุ๋ยจากจีนมาให้เกษตรกรในราคาถูกแทน
นายสุทิน กล่าวว่า แนวคิดนี้เป็นมุมมองทางด้านวิชาการใช้ฐานความคิดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังไม่ใช่ข้อสรุปในการแก้ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำ แต่จะต้องพูดคุยเพื่อหาทางออกที่ดี โดยยกระดับการเจรจาต่อไป
“ผมเห็นว่าการแลกเปลี่ยนสินค้า หรือเปลี่ยนเป็นการจัดหาเรือผิวน้ำ จึงน่าจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง แต่ยอมรับว่า ต้องไปพิจารณาในข้อกฎหมายจะทำได้หรือไม่ หรือหากกรณีสามารถพูดคุยเจรจาแลกเปลี่ยนกับทางจีนได้และหากมีเงินเหลืออาจจะขอแถมกลับมาเป็นปุ๋ย ซึ่งเป็นแนวทางที่กำลังศึกษาอยู่ และจะนำเสนอแนวคิดนี้กับนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับทางกองทัพเรือ แต่เชื่อว่าเท่าที่ฟังกองทัพเรือไม่ติดใจ แล้วแต่รัฐบาลจะพิจารณาตัดสินใจ”นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายปรับปรุงการเกณฑ์ทหารว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางกองทัพ แต่เชื่อว่า จากมาตรฐานที่ได้คิดเตรียมไว้จะทำให้คนมาสมัครเป็นทหารเกณฑ์มากขึ้น และปีหน้าแทบจะไม่ต้องเกณฑ์ ซึ่งกองทัพก็พร้อมจะปรับลดจำนวนทหารเกณฑ์ และจะมีกรรมปรับปรุงสวัสดิการความคิดหวาดระแวงเรื่องทัศนคติที่ประชาชนกังวล ทั้งยังเตรียมเดินหน้าพัฒนาร่วมกับกองทัพ หรือการปฏิรูประยะสั้นกลางยาว หลังเข้ากระทรวงในวันที่ 13 กันยายนนี้น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆ มากขึ้น
เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตกรณีที่อาจจะมีทหารเข้าไปสนับสนุนผู้มีอิทธิพลหรือไม่นััน นายสุทิน กล่าวว่า เป็นนโยบายของกองทัพที่จะดูแลกำลังพลให้อยู่ในระเบียบวินัยและมีประสิทธิภาพ สำหรับกรณีที่กระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้มีอิทธิพลนั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมพร้อมให้การสนับสนุน