เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 คณะอัยการและตำรวจไทย นำโดยนายยงยุทธ ศรีสัตยาชน อัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 3 และนายบุญญวุฒิ บุญญาธิการ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานต่างประเทศ พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทรงเอก พัชรวิชญ์ รองผู้บัญชาการกองการต่างประเทศ และ พ.ต.อ.หญิง เกษมศรี อัศวานุวัตถ์ ผู้กำกับฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 3 และคณะ ได้เดินทางไปรับตัวนางสาวปภาดา หรือเชอรี่ พรมสะอาด ผู้ต้องหา ในขบวนการค้ามนุษย์หลอกลวงหญิงไทยไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน ตามที่พนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมาสั่งฟ้องผู้ต้องหาและผู้ต้องหาได้เดินทางหลบหนีไปต่างประเทศ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2559 โดยผู้ต้องหาซึ่งมีสามีเป็นคนบาร์เรน มีพฤติการณ์หลอกลวง ชักชวนหญิงไทยไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศบาห์เรน อ้างว่ามีรายได้ดี แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกผู้ต้องหากับพวกยึดหนังสือเดินทาง หน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับพาผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อไปค้าประเวณีตามโรงแรมต่าง ๆ โดยไม่ยอมให้ผู้เสียหายเดินทางกลับประเทศไทย และข่มขู่เรียกเงินจำนวนมากแลกกับการคืนหนังสือเดินทางและยอมให้ผู้เสียหายเดินทางกลับประเทศไทย ภายหลังผู้เสียหายหนีกลับมาประเทศไทยและได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวกรวม 4 คนที่จังหวัดนครราชสีมา ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงหรือให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตามฯ ซึ่งศาลจังหวัดนครราชสีมาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ตามคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ
ต่อม าเจ้าหน้าที่ตำรวจบาห์เรนได้จับกุมบุคคลผู้ต้องหาได้ที่ประเทศบาร์เรน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 และแจ้งอัยการสูงสุด ผู้ประสานงานกลาง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ผ่านตำรวจสากลไทย สำนักงานอัยการสูงสุดจึงได้จัดทำคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศบาห์เรนเพื่อขอให้ส่งตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีในประเทศไทย พนักงานอัยการบาร์เรนได้ดำเนินคดีผู้ร้ายข้ามแดนกับผู้ต้องหา จนคดีเสร็จสิ้นศาลของประเทศบาห์เรนได้พิพากษาให้ส่งตัวผู้ต้องหาให้แก่ทางการไทยเพื่อดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป
การดำเนินกระบวนการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนในเรื่องนี้ สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยความร่วมมืออย่างดีของหน่วยงานไทยอันได้แก่สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำบาร์เรน กับหน่วยงานของบาร์เรนได้แก่ กระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้ประสานงานกลางของบาร์เรน และสำนักงานกลางแห่งตำรวจแห่งชาติบาห์เรน จนสามารถนำตัวผู้ต้องหารายนี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย อันแสดงถึงความร่วมมือที่ดี ของทั้งสองประเทศ ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และติดตามตัวผู้กระทำความผิดกลับมาลงโทษไม่ว่าจะหลบหนีไปที่ใด ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดต้องขอขอบคุณในความร่วมมือครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง