เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.ย. 66 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงวาระหลักในการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในวันนี้ มีอะไรบ้าง และได้มีการกำหนดวันไว้คร่าวๆ ในการประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารชุดใหม่แล้วหรือยัง ว่า มี 2 เรื่องใหญ่ คือ 1.จะต้องดูว่าคุณสมบัติในการคัดเลือกประธานกรรมาธิการต่างๆ เป็นอย่างไร เพื่อจัดสรรและเตรียมการไว้ให้ตรงกับความรู้ความสามารถสส. ของเรา แต่ในขณะนี้การตกลงกันในสภายังไม่จบว่าเราได้กรรมาธิการอะไรบ้าง 2.สืบเนื่องจากกรณีที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านและอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลาออกไป จึงมีเพียงรักษาการหัวหน้าพรรค และต้องจัดการประชุมใหญ่ภายใน 60 วัน โดยจะมีการหารือในเรื่องวันและเวลาเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารจัดการ

เมื่อถามว่ามีการวางตุ๊กตาในการประชุมใหญ่ไว้หรือยังว่าจะเป็นช่วงใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า น่าจะประมาณเดือนต.ค. เพราะช่วงนี้กำลังยุ่งๆ ในการเข้ารับหน้าที่กันอยู่ ซึ่งคงต้องจัดการอะไรต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน อาจจะล่วงไปช่วงประมาณปลายเดือนก.ย.ถึงต้นเดือนต.ค. 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่สมาชิกพรรค มีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรคเพื่อไทยนั่งหัวหน้าพรรคด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินเลย ในพรรคคงมีคนที่มีคุณสมบัติหลายคน มีมากกว่านี้ ไม่ได้มีเพียงน.ส.แพทองธารคนเดียว ซึ่งคงจะต้องรับฟังเสียงจากทุกฝ่ายก่อน

เมื่อถามว่า ในการประชุมวันนี้จะมีการพูดคุยในเรื่องบุคคลที่มีรายชื่อในโผ และมีคุณสมบัติในการนั่งหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยัง เป็นเพียงกรอบใหญ่ว่าเราจะประชุมหรือไม่ และเมื่อไหน่ หากจัดประชุมในเร็ววันคงต้องคุยลงลึกมาขึ้น แต่ถ้ายังมีเวลา ก็อาจจะวางกรอบเวลาไว้ว่าจะจัดเมื่อไหร่ และมีไทม์ไลน์อย่างไร ซึ่งคนที่รับผิดชอบก็จะต้องเตรียมการต่อไป 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ คณะทำงานด้านนโยบายการเกษตรพรรคเพื่อไทย จะทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องถามเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ตอนนี้มุ่งไปที่กระทรวงที่ตนรับผิดชอบ และรองนายกรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบในด้านต่างๆ ก็ยังไม่มีการแบ่งหน้าที่ที่ชัดเจน 

เมื่อถามว่า ทั้งตำแหน่งโฆษกและรองโฆษกรัฐบาลจะต้องมีคนที่เป็นตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่ด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า โดยกรอบเป็นเช่นนั้น ถ้าเราเป็นโฆษกรัฐบาลแล้ว ในรองโฆษกรัฐบาลอีก 3 คนคงจะมีทั้งคนของเราและคนของพรรคร่วมด้วย ซึ่งต้องมีการหารือกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเรื่องของเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่คงลงรายละเอียดไว้แล้ว 

เมื่อถามถึงการเตรียมการในส่วนของรัฐมนตรีสำหรับการแถลงนโยบายวันที่ 11-12 ก.ย.ที่จะถึงนี้ นอกเหนือจากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไปก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กรอบนโยบายได้มีการประชุมในคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ซึ่งได้ส่งให้แต่ละคนไปดู รวมถึงเลขาธิการและผู้เกี่ยวข้องที่เข้าใจนโยบายได้วางกรอบไว้ว่าเราได้สรุปอะไรไปบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรอบนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลวางกรอบหลักไว้แล้ว เนื่องจากเราเป็นพรรคที่จะต้องจัดการเรื่องนี้ พร้อมกันนี้ได้เรียนเชิญแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาหารือและพูดคุยในกรอบหลักของพรรคเพื่อไทยก็เป็นที่ยอมรับโดยรวมอยู่แล้ว หากพรรคนโยบายใดของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ได้ขัดกับกรอบหลักก็สามารถที่จะนำมาปรับเข้าได้ ส่วนอันไหนที่ผิดจากกรอบหลักก็ต้องถอนออกไป เท่าที่ดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไร อะไรที่เห็นร่วมกันได้ก็ดำเนินการไป 

ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายออกมาระบุว่า เราขาดรายละเอียดในบางเรื่องนั้น ก็ไม่เป็นไร อย่าไปคิดจริงจัง เพราะหากนายกรัฐมนตรีอ่านแถลงนโยบายจบก็ถือว่าจบ อย่างไรก็ตาม เพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านสามารถแสดงความคิดเห็นเราก็ยินดีรับฟัง แต่กรอบนี้เป็นกรอบใหญ่ที่ครอบคลุมทุกประเด็นที่เราหาเสียงไว้ และหารือจากพรรคร่วมต่างๆ ร่วมกัน ไม่ขัดกับกรอบที่พูดคุยกัน ส่วนรายละเอียดต้องใช้เวลาสภาไม่มากเกินไป คิดว่ากำหนดไว้ 2 วันน่าจะเหมาะสม สำหรับรายละเอียดด้านใดที่ยังขาดความชัดเจน ก็สามารถสอบถามรัฐมนตรีและโฆษกได้ ไม่มีอะไรน่ากังวล 

เมื่อถามถึงกรณีการตกลงกันในเรื่องตำแหน่งประธานกรรมาธิการ เนื่องจากพรรคก้าวไกลยังยืนว่ากมธ.ป.ป.ช. ควรเป็นของฝ่ายค้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ที่สภา และวิปแต่ละฝ่าย ที่จะต้องหารือกับรองประธานสภาที่รับผิดชอบ ซึ่งตนเห็นว่าไม่มีหลักปฏิบัติ 100% เปลี่ยนแปลงไปทุกชุดทุกรัฐบาล แล้วแต่ว่าที่ประชุมของแต่ละพรรคเห็นพ้องต้องกันอย่างไร บางทีฟังจากที่พรรคฝ่ายค้านพูด เป็นการพูดด้านเดียว ที่บอกว่าเคยปฏิบัติอย่างนั้น ไม่ปฏิบัติอย่างนี้ แสดงว่ามีความคิดเคลือบแฝงซ่อนเร้นอะไร มันไม่ใช่อย่างนั้น เป็นเรื่องที่เราจะต้องตกลงกันตามที่ทุกฝ่ายพึงพอใจและดำเนินการไป หากยังตกลงกันไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่สภาจะต้องตกลงกันให้ได้ ฝ่ายบริหารเราก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไร