"พระกรุเก่าอันทรงคุณค่า พุทธคุณสูงส่ง ทางคงกระพันชาตรี และแคล้วคลาดปลอดภัย" ถ้าเอ่ยนาม "พระร่วง" จะหมายถึง พระที่ถือกำเนิดคาบเกี่ยวกันกับ ‘ขอม' สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กับ สมัยสุโขทัย ซึ่งเราเรียกกษัตริย์ครองสุโขทัยว่า ‘ราชวงศ์พระร่วง' ‘ละโว้' หรือ 'ลพบุรี' ก็เช่นกัน ในอดีตเคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของ ‘ขอม’ สมัยเมืองพระนครมาระยะเวลาหนึ่ง ก่อเกิดเป็น ศิลปะ ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม อันแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของขอมมากมาย ทั้งคติพราหมณ์ ฮินดู และพุทธมหายาน ดังจะสังเกตได้จากพระเครื่องและพระกรุที่พบใน จ.ลพบุรี นั้น จะมีพระตระกูลพระร่วงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะที่ ‘วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ’ ทั้ง พระร่วงนั่ง และพระร่วงยืน ที่อยู่อันดับต้นๆ ก็คือ “พระร่วงหลังลายผ้า" ซึ่งเคยกล่าวถึงกันอยู่บ่อยๆ แต่มีอยู่กรุหนึ่งของลพบุรีที่มีการค้นพบพระร่วงเช่นกัน และนับว่าเป็นพระกรุเก่าที่เป็นที่นิยมสะสมกันในแวดวงนักสะสมกันมาช้านาน นั่นคือ "พระร่วง กรุม่วงค่อม" บ้านม่วงค่อม นั้น เดิมเรียกกันว่า "ม่วงขอม" เพราะขอมเคยอาศัยอยู่ ต่อมาเพี้ยนมาเป็น "ม่วงค่อม" สันนิษฐานว่าสถานที่นี้เดิมคงเป็นโบราณสถานเก่าแก่สมัยขอม (เขมร) เรืองอำนาจ เมื่อผ่านกาลเวลาอันยาวนาน จึงเสื่อมโทรมลง คงเหลือสภาพเป็นเพียงเนินดิน หรือ โคกดิน พระร่วง กรุม่วงค่อม มีการแตกกรุในราวปี พ.ศ.2516 บริเวณเนินดิน ที่บ้านม่วงค่อม ต.ม่วงค่อม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยเล่ากันว่า ... ในคราวนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งฝันว่ามีคนมาบอกให้ไปขุดพระในบริเวณโคกนั้น เพราะว่าถูกฝังมานานแล้ว เมื่อไปเล่าความฝันให้เพื่อนบ้านข้างเคียงฟัง จึงมีการรวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อไปขุดพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ ปรากฏว่าได้พบพระเครื่องและพระบูชาจำนวนมากเป็นประวัติการณ์เป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ทุกคน จึงเรียกขานนามกันตามสถานที่ที่พบ พระกรุที่ขุดค้นพบ มีมากกว่า 1,000 องค์ ทั้ง พระร่วงนั่ง พระร่วงยืน และ พระยอดขุนพล ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นพระร่วงนั่ง เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง ส่วนพระเนื้อชินเงินมีไม่มากนัก เป็นพระพุทธศิลปะสมัยลพบุรียุคปลาย แต่ยังยึดศิลปะของลพบุรีอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน และชัดเจน พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม มีพุทธลักษณะองค์พระประทับนั่ง แสดงปางสมาธิขัดราบ บนฐานลายเรียบตรงสองชั้น แบบ "ชีโบนั่ง" (คำว่า "ชีโบ" หรือ "จีโบ" หมายถึง หมวกโบราณทรงสูง) พระบาทขวาวางทับพระบาทซ้ายอย่างเห็นได้ชัด มีเส้นสร้อยพระศอ คล้ายประคำประดับ องค์พระสวมมงกุฎ แบบเรียบตรงธรรมดาหลายชั้น ไม่ใช่มงกุฎแบบทรงเทริดขนนก ซึ่งมีลวดลายแบบปิ่นแนวตั้ง ที่มีความงดงามอลังการมาก พระเศียรดูเหมือนจะใหญ่โตกว่าปกติ เมื่อเทียบกับขนาดทรวดทรงพระวรกายขององค์พระ พระกรรณทั้งสองข้างมีลักษณะยาวสวยงามลงมาจรดพระอังสา (บ่า) พระขนง (คิ้ว) ทั้งสองเชื่อมต่อกันเกือบเป็นเส้นตรง ไม่โค้งมาก พระเนตรทั้งสองข้างและพระโอษฐ์มีขนาดเล็ก พระนาสิกใหญ่ ส่วนพิมพ์ด้านหลัง เป็นแบบหลังลายผ้า (แบบหยาบ) บางองค์มีรอยแตกเป็นเส้นลายคลื่นโค้งสวยงาม พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม สามารถแบ่งออกได้เป็น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก และ พิมพ์ฐานสูง ‘พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม พิมพ์เล็ก’ จะมีจำนวนมากกว่า ‘พิมพ์ใหญ่' มีจุดสังเกตที่การตัดขอบ จะเป็นรูปสามเหลี่ยมแบบชิดองค์พระ โดยมีขนาดเล็กกว่า แต่ขนาดจะไม่เท่ากันทุกองค์ ส่วน ‘พิมพ์ฐานสูง’ จะมีขนาดใหญ่กว่าพอสมควร ที่เรียกว่า พิมพ์ฐานสูง เนื่องจากการตัดขอบส่วนฐานเหลือเนื้อเกินมาก ทำให้แลดูเหมือนฐานองค์พระสูง พูดถึงเนื้อหามวลสารของพระเนื้อชินกรุนี้ นับเป็นที่ต้องตาต้องใจของนักสะสมพระเนื้อชินอย่างมาก เพราะลักษณะสนิมที่เกิดขึ้นจะแดงออกเข้มจัด เหมือนสีลูกหว้า เนื่องจากพระทั้งหมดฝังอยู่ภายในกรุใต้พื้นดิน เป็นเวลานานหลายร้อยปี จึงปกคลุมด้วยไขขาวค่อนข้างหนา ปัจจุบัน พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม เป็นพระได้รับความนิยมสูงอีกกรุหนึ่ง ในบรรดาพิมพ์พระร่วงนั่ง เนื้อสนิมแดงลพบุรี ทั้ง เนื้อตะกั่ว และ เนื้อชินสนิมแดง นอกจากนี้ยังมีเป็น เนื้อชินดำ ไม่มีปรอทวิ่ง คราบผิวไม่ปรากฏ มีความกรอบ เข้าใจว่าคงจะอยู่ใต้สุดของโถซึ่งแช่น้ำ ส่วนใหญ่จะเป็น ‘พิมพ์เล็ก’ และในบริเวณเดียวกันนี้ ยังพบแม่พิมพ์องค์พระ ซึ่งประมาณอายุการสร้างน่าจะอยู่ในช่วงก่อนสุโขทัย ขณะที่ขอมมีอิทธิพลเหนือละโว้ อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 17-18  พิมพ์ฐานสูง พระร่วงนั่ง กรุม่วงค่อม นอกจากจะเป็นพระกรุเก่าอันทรงคุณค่าแล้ว ยังมีพุทธคุณสูงส่งเป็นที่เลื่องลือทางคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดปลอดภัย จึงได้รับความนิยมและแสวงหาอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันสนนราคาค่อนข้างสูงและมีการทำเทียมเลียนแบบมาก ต้องพิจารณาให้ละเอียดครับผม โดย ราม วัชรประดิษฐ์