นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังการเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ว่า กกร.ประจำเดือนก.ย.เห็นชอบปรับลดกรอบประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 จากเดิมที่คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)จะเติบโต 3-3.5% เหลือเป็น 2.5-3% แต่ยังคงกรอบการส่งออกโต -2-0.5% และคงอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 1.7-2.2% ทั้งนี้เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากที่เหลือของปีนี้ซึ่งส่งผลใฟ้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดผ่านตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ที่เติบโต 1.8% ต่ำกว่าประมาณการที่ 3.1% อย่างมาก
โโยเศรษฐกิจไทยมีการอ่อนแรงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอทำให้การส่งออกหดตัวโดยมูลค่าการส่งออกติดลบต่อเนื่องมา 10 เดือนและติดลบแทบทุกหมวด อีกทั้งการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวต่อเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ขณะที่รายได้ท่องเที่ยวยังยังต่ำกว่าที่คาดไว้จากการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่าปกติราว 13% อย่างไรก็ตามหากรัฐมีมาตรการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งการลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันค่าไฟ การแก้หนี้ครัวเรือน ฯลฯ ก็จะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ยังโตได้ 3%
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม กกร.ยังกังวลกับสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานทะลักเข้ามาแข่งขันด้านราคาในตลาดไทยทำให้ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงโดยเบื้องต้นมี 20 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดขายลดลงและหากไม่มีมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้านำเข้าดังกล่าวผลกระทบจะขยายวงกว้างกกร.จึงขอเสนอให้รัฐเข้มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานผ่านกลไกทั้งจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และกรมศุลกากร เป็นต้น
โดย กกร.เห็นว่าดอกเบี้ยปัจจุบันที่อยู่ราว 2.25% ซึ่งเป็นระดับสมดุลแล้ว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงทำให้สถาบันการเงินได้ชะลอการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบ ส่วนคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะประชุมปลายเดือน ก.ย.นี้จะเป็นอย่างไรคงต้องรอดู แต่เชื่อว่าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อลดลงมากแล้ว ส่วนมองอย่างไรต่อนโยบายของรัฐบาลนั้นคงจะต้องขอดูรายละเอียดจากการแถลงนโยบายในวันที่ 11 ก.ย.นี้ก่อน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลเร่งด่วนที่เห็นว่ารัฐบาลเองก็กำลังเร่งทำคือการแก้ไขปัญหาปากท้องชาวบ้านโดยเฉพาะลดค่าไฟและน้ำมันเพราะถือเป็นการลดค่าครองชีพที่เร็วและหยุดต้นตอได้ ส่วนมาตรการอื่นๆที่จะกระตุ้นก็ต้องเติมเข้ามาเช่น การทำให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงิน เป็นต้นซึ่งเชื่อว่าวันที่ 11 นี้จะมีแถลงนโยบายคงจะเห็นภาพชัดเจน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ลดราคาน้ำมัน ค่าไฟ รัฐบาลน่าจะทำได้ทันทีและจะช่วยเรื่องปากท้องชาวบ้าน โดยเรื่องท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เหลือนอกจากมาตรการฟรีวีซ่าจีนแล้วจะต้องเพิ่มเที่ยวบินและประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนเชื่อมั่นจากปัญหาข่าวลือว่ามาไทยแล้วไม่ปลอดภัยที่ต้องทำงานร่วมกันกับภาครัฐและสถานฑูตไทยในจีนด้วย