'ประวีณมัย บ่ายคล้อย' ผู้ประกาศข่าวมอบช่อดอกไม้ขอบคุณ ตำรวจไซเบอร์หลังจับบัญชีม้าหลอกติดตั้งแอปกรมที่ดิน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.อํานาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจบก.สอท.1 ร่วมแถลงข่าว จับกุมแก๊งค์คอลเซนเตอร์ อ้างตัวเป็นกรมที่ดิน หลอกนางสาวประวีณมัย บ่ายคล้อย หรือ ตาล ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ ให้ติดตั้งแอปดูดเงินกว่า 1 ล้านบาท
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดของคดีนี้ พบผู้กระทำความผิดจำนวน 5 ราย มีพฤติการณ์ร่วมกันเปิดบัญชีม้าและมีส่วนร่วมในการเข้าถึงระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ เพื่อนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหาย ไปดำเนินการหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 รายเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ได้แก่ 1.นายศิริเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี จับได้ที่ อ.พระยืน จ.ขอนแก่น 2.นางหน่อย (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปีจับได้ที่ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว 3. นางยุวรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี จับได้ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และร่วมกันเข้าใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
โดยทั้ง 3 ที่จับกุมได้ เป็นบัญชีม้าแถวที่สามและให้การซัดทอดไปถึงนายหน้าชาวไทย ที่ทำหน้าที่พาบัญชีม้าเหล่านี้ข้ามชายแดนเพื่อไปเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า จึงถือว่าผู้ต้องหาเหล่านี้ไม่ใช่บัญชีม้าธรรมดา แต่เป็นบัญชีม้าที่มีเจตนาร่วมกันกระทำความผิดมาตั้งแต่ต้น ซึ่งรายละเอียดข้อมูลการสอบสวนและให้ปากคำยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อรูปคดี แต่ยืนยันว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 2 รายที่อยู่ในระหว่างการไล่ล่าตัวนั้น เป็นตัวการรายใหญ่และเป็นบัญชีม้าแถวที่ 1 คาดว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้ ส่วนการสอบสวนเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเบื้องต้น ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้และไม่พบว่าข้อมูลหลุดจากระบบของกรมที่ดิน แต่กำลังตรวจสอบอยู่ว่าข้อมูลหลุดจากที่ไหน ซึ่งคาดว่าน่าจะหลุดจากระบบข้อมูลทั่วไปแต่ยังไม่เปิดเผย
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียหายที่ต้องมาสูญเงินและตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ รวมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย โดยเฉพาะ สอท.1 ที่ติดตามสืบสวนสอบสวนคดีจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ พร้อมทั้งเตือนประชาชนว่า ถือเป็นอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่มิจฉาชีพใช้แอพพลิเคชั่น ปลอมเป็นระบบของราชการซึ่งเนียนใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด รวมทั้งมีวิธีการหาข้อมูลของผู้เสียหายมาใช้หลอกลวง จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อได้ ดังนั้นประชาชนจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่า บัญชีม้ากลุ่มขบวนการนี้นั้น ไม่ใช่บัญชีม้าในคดีอื่น ๆ ที่ถูกหลอกไปเปิดบัญชี แต่ขบวนการนี้ บรรดาบัญชีม้าสมัครใจเปิดเอง โดยพบว่า จะมีตัวการพาข้ามชายแดนไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสแกนใบหน้า เก็บเอาไว้สำหรับเปิดบัญชี นอกจากจะส่งมอบรหัสจะทำธุรกรรมให้กับตัวการใหญ่แล้ว ซึ่งวิธีการนี้นั้น ถือว่าผู้ต้องหากลุ่มบัญชีม้าเป็นตัวการร่วมกระทำความผิด จึงจะมีโทษมากกว่าเปิดบัญชีม้าทั่วไป ก็ขอเตือนว่า อย่าหลงเชื่อไปรับจ้างเปิดบัญชีม้าแม้จะได้ผลตอบแทนสูง เพราะมีอัตราโทษทางกฎหมายที่สูงมาก
พล.ต.ต.อำนาจ กล่าวว่า ขณะนี้ยังพบกลุ่มมิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง Application ติดต่อกับทางราชการ ซึ่งหลายขบวนการได้ทำหน้าตาของแอปพลิเคชั่นหรือลิงก์เว็บไซต์เหมือนจริงอย่างมาก เพื่อตบตาประชาชน จึงขอเตือนประชาชนว่า การติดต่อราชการไทยในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีวิธีการในลักษณะเชิญชวนให้กดลิงค์หรือติดตั้งแอพพลิเคชั่น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและตรวจสอบกับทางหน่วยงานราชการต้นสังกัดที่ถูกอ้างหรือติดต่อมายังสายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441
นางสาวประวีณมัย กล่าว่า ขอกราบขอบพระคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ที่พยายามติดตามจับกุมบัญชีม้าได้ จึงขอเตือนประชาชนทุกคนว่า กลุ่มมิจฉาชีพใช้วิธีการหลอกลวงแบบแยบยล หากถูกหลอกในลักษณะแบบนี้ก็ให้เอ๊ะ สงสัยไว้ก่อน อย่าเพิ่งเชื่อง่าย ๆ ตรวจสอบให้รู้ก่อนว่าเป็นหน่วยงานราชการที่ยืนยันได้จริง ๆ ไม่โอนเงินไปง่าย ๆ ไม่กดลิงค์ง่าย ๆ และที่สำคัญคือไม่ประมาท จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ ทุกวันนี้ก็ยังมีหลายคนที่เข้ามาพูดคุยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และส่วนตัวก็ไม่กล้าที่จะกดลิงค์แปลกปลอมหรือหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว จึงถือเป็นเรื่องที่ต้องเตือนใจเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน