วันที่ 7 ก.ย.66 ตามที่นายณรงค์ พัดพรหม อายุ 67 ปี อยู่หมู่ที่ 6 ต.คาละแมะ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ตัวแทนชาวบ้านหนองขามหมู่ที่ 6 พร้อมกับนำรายชื่อและคำร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวประจำอำเภอศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ และได้นำรายชื่อจำนวนนับร้อยยื่นต่อนายธวัชชัย มีแก้ว ปลัดอำเภอศีขรภูมิ กล่าวหาว่านาวิชัย พนารินทร์ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองขาม หมู่ที่ 6 ต.คาละแมะ อ.ศีขรภูมิ ประพฤติตนไม่เหมาะสม มีการสร้างบ้านอยู่ที่บริเวณรอยต่อหมู่บ้านหมู่ที่ 5 ในเขตพื้นที่ ต.คาละแมะ ซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านหลายกิโลเมตรทำให้การติดต่องานราชการค่อนข้างลำบากและประชาชนภายในหมู่บ้านต่างไม่พอใจในการทำงานของผู้ใหญ่บ้านที่วางตัวไม่เหมาะสมกับชาวบ้าน และไม่ยอมชี้แจงการเงินรายรับรายจ่ายภายในหมู่บ้านและมีการตัดไม้ในพื้นที่สาธารณะนำไปขาย แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชาวบ้านได้รับทราบทำให้ชาวบ้านต่างไม่พอใจจึงได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับนายกิตติ สัตย์ซื่อ นายอำเภอศีขรภูมิ เพื่อให้มีการตรวจสอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นตามที่ชาวบ้านได้ร้องมาเพราะตลอด10กว่าปีที่มาดำรงตำแหน่งชาวบ้านไม่เคยมีความสุขกับการทำงานของผู้ใหญ่บ้านคนนี้
นายณรงค์ พัดพรหม กล่าวว่า ตนและชาวบ้านได้พากันมารวมตัวส่งรายชื่อให้กับเจ้าหน้าที่ของอำเภอแล้วจำนวน 80 กว่าคน คาดว่ากว่าจะถึงวันที่เปิดทำการคงได้ประมาณ 133 กว่าคน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์และสามารถลงรายชื่อขับผู้ใหญ่บ้านออกได้ เพราะที่ผ่านมาตนและชาวบ้านได้นำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจัดทำโครงการของผู้ใหญ่บ้านนำส่งให้อำเภอไปหมดแล้ว ซึ่งตนเองก็อยากให้ทางหน่วยงานตรวจสอบอย่างจริงจังเพราะถึงปล่อยเอาไว้มันจะเสียหายไปมากกว่านี้และเรื่องนี้ชาวบ้านตนจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาดจะต่อสู้หัวชนฝาถ้าหากว่าทางอำเภอไม่ดำเนินการผมและชาวบ้านจะเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ดำเนินการต่อไป
ขณะที่ นายวิชัย พนารินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหนองขามหมู่ที่ 6 ต.คาละแมะ ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวอาจจะเป็นเรื่องการเข้าใจผิดมากกว่า การที่นายณรงค์ พร้อมพวกมากล่าวหาและจะทำการถอดถอนชื่อตนออกจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน ขอเรียนตรงๆ ว่าเรื่องที่กล่าวหาว่า ตนไปตัดต้นไม้ยูคาลิปตัสในพื้นที่สาธารณประโยชน์แล้วนำไปขาย เรื่องนี้เริ่มมาจากตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าที่ท่านครบวาระไปแล้วและเงินที่ขายได้เพียง 3,500 บาท ก็ยังอยู่ไม่ได้นำไปใช้จ่ายที่ไหน ส่วนการติดต่อยากนั้น เนื่องจากว่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบางคนไม่มีโทรศัพท์และมีแต่ไม่ค่อยได้ใช้ในห้วงนี้ต้องลงไปดูงานส่วนตัวบ้างติดต่อไม่ได้ก็คงจะต้องมาพบตนที่บ้านก็ได้ ไม่เคยหนีหน้าไปไหน พบตนได้ตลอดเวลา
"ในส่วนการก่อสร้างบ้านในเขตรอยต่อหมู่ที่ 5 ต.คาละแมะนั้น ผมไม่ได้ติดใจอะไรเพราะที่ดินสมัยคุณปู่คุณย่าที่มอบที่ดินให้ลูกหลานไปทำมาหากินตนเองจึงได้ทำการก่อสร้างเอาไว้ให้ครอบครัวของตนเองมาอยู่มันผิดตรงไหน จึงอยากสอบถามท่านที่มาร้องต่อนักข่าวทั้งหมดให้ผมชี้แจงบ้างเวลาประชุมพวกคุณก็ไม่เคยเข้ามาประชุม ผมก็มีแต่พี่น้องเพียงไม่กี่คนที่เข้าร่วมประชุม แล้วจะให้ผมไปชี้แจงอย่างไรโปรดเห็นใจผมบ้าง เพราะพวกคุณไม่เคยเข้าร่วมประชุมกับเขาและไม่เคยให้ความร่วมมือกับชุมชนเลย ผมขอชี้แจงต่อพี่นักข่าวเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่มีผู้ที่ผมไม่ได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเนื่องจากว่าคุณสมบัติไม่ให้และมาหาเรื่องต่างๆเพื่อที่จะให้ชาวบ้านหลงเชื่อและล่ารายชื่อถอดถอนผมออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเวลาประชุมก็ขอให้เข้าประชุมกับชาวบ้านด้วยไม่ใช่อะไรก็จะขับไล่ขับไล่ถ้าผมผิดยินดีผมลาออกนายวิชัยกล่าวในที่สุดพร้อมกับยกมือให้ความเป็นธรรมกับตนเองบ้าง"ผู้ใหญ่บ้านหนองขามหมู่ที่ 6 กล่าว
นายกิตติ สัตย์ซื่อ นายอำเภอศีขรภูมิ กล่าวว่า เรื่องที่ชาวบ้านได้เดินทางมาล่ารายชื่อเพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านออกนั้น ตนเองได้รับทราบแล้วและกำลังดำเนินการ ถ้าเห็นว่าการเข้าชื่อกันขอให้ผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่งตามาตรา14 (6)ตามพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ฯต้องเป็นราษฏร ผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามาตรา 11 ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของราษฏร ผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 11 ทั้งหมดเข้าชื่อกันขอให้ออกจากตำแหน่ง จากการตรวจสอบข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไปตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฏร หมู่ที่ 6 ต.คาละแมะ อ.ศีขรภูมิมีจำนวน 250 คน ถ้าหากว่ามีการเข้าชื่อได้ 141 คนก็ต้องถือว่าผ่าน ซึ่งตนก็ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายทั้งคนร้องและคนถูกร้อง และตนก็พอจะทราบข้อมูลของผู้ร้องและผู้ถูกร้องทั้งหมด จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายไม่เข้าใครออกใคทั้งสิ้น