ยุคโน้น 1ตำบล 1ผลิตภัณฑ์ ยุคนี้ 1ครอบครัว 1ซอฟต์พาวเวอร์
มากกว่าข่าวในจิปาถะวัฒนธรรมกับหนามยอกอก: ค่อยๆ ดูกันไปกับฉากทัศน์รัฐบาล ครม.เศรษฐา1 กับการทำงาน แล้วค่อยมาประเมินผลงาน ส่วนที่กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ต้อนรับรัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรมคนใหม่ ท่าน เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม ควงคู่มากับศรีภริยา ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช และคณะ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรมในโอกาสเข้าปฏิบัติงานวันแรก 6 ก.ย. 66 โดยมี ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดก.วัฒนธรรม ผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานในกำกับวธ. อีกเครือข่ายงานวัฒนธรรม ให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดีกับท่านรัฐมนตรีวัฒนธรรมคนที่ 15 จากนั้นได้ร่วมพบปะพูดคุยกันในภารกิจการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม บนห้องประชุมชั้น 8 ..00.. ก่อนที่ท่าน “เสริมศักดิ์” ร่วมพูดคุยกับผู้บริหารวธ. และเครือข่ายงานวัฒนธรรม ท่านได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานว่า ถือว่ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงสำคัญ บ่งบอกถึงความเป็นชาติและประเทศของเรา ฉะนั้นการได้รับมอบหมายให้มาเป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรม ภาคภูมิใจ ตั้งใจและมุ่งมั่นให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงวัฒนธรรมไม่ใช่เพียงแค่กระทรวงด้านสังคมเท่านั้น เราจะต้องเข้ามาร่วมแก้ปัญหาในสภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อช่วยแก้ปัญหาความยากจนของพี่น้องประชาชน โดยจะทำ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ร่วมกับหลายกระทรวง ทั้งท่องเที่ยวฯ มหาดไทย เข้าไปส่งเสริมทักษะอาชีพให้พี่น้องประชาชนมีงานทำ มีอาชีพ ซึ่งมีประชาชนอีกกว่า 20 ล้านคน ที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทต่อเดือน จะมีการเปิดลงทะเบียนเพื่อสำรวจลงลึกถึงระดับครอบครัว ว่าแต่ละครัวเรือนมีศักยภาพด้านใดบ้าง อาหาร มวยไทย หรือด้านอื่นๆ โดยรัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุนงบประมาณ ฝึกอบรมพัฒนา แต่ละครอบครัวให้สามารถต่อยอดสร้างมูลค่า นำไปขายไปโชว์ต่างประเทศได้ ทั้งนี้จะมีการตั้งศูนย์ซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นที่วธ. จะสามารถทำได้อย่างเป็นรูปธรรมในภายหลังรัฐบาลได้แถลงนโยบายอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนนโยบายศิลปวัฒนธรรม หรือสิ่งที่เป็นโบราณสถานนั้นดำเนินและต่อยอดให้ไปได้ด้วยดี ..00.. นั่นเป็นภาพรวมของการให้สัมภาษณ์ ต้องตามดูกันกับนโยบายประชานิยม 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาความยากจนในยุคนี้ได้หรือไม่ ซึ่งดูๆ ไปคล้ายๆ กับนโยบาย 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ หรือที่รู้จักกันดีในรูปผลิตภัณฑ์ โอทอป ในยุคโน้นสมัยพรรคไทยรักไทยนั่นเอง