หลุด!! เอกสารแถลงนโยบายรบ.เอาแน่เงินดิจิทัล หมื่นบาท หวังปลายทางทอนเป็นภาษีเข้ารัฐ เล็งประคองหนี้-ต้นทุน ปชช.และภาคธุรกิจ หนุนจัดการราคาค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมยกเว้นค่าวีซ่านทท.เป้าหมาย ตั้งเป้าเปลี่ยนรูปแบบเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ยกระดับบัตร30บาทรักษาทุกโรค นายกฯ ยันเดินหน้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่ขอเวลาทำงานก่อน
       
    
 เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ระหว่างที่รัฐบาลกำลังเตรียมการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา โดยมีเอกสารคำแถลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ กรอบการทำงานของรัฐบาลที่แบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
     
 โดยระยะสั้นจะออกนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ท จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก รัฐบาลเองก็จะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษี และที่สำคัญ การดำเนินนโยบายนี้จะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความโปร่งใสให้กับกลไกการชำระเงินของระบบเศรษฐกิจและรัฐบาล 
     
 นอกจากนี้ จะแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินสำหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนากลางและขนาดย่อม 
     
 ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที นอกจากนี้รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงาน สนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงาน ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียง และสำรวจแหล่งพลังเพิ่มเติม  
      
ตั้งเป้าจะเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำฟาสแทร็ควีซ่าสำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE)
    
 สำหรับนโยบายระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางที่จะสร้างรายได้ โดยการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ๆให้สินค้าและบริการของประเทศ อาทิ กลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ รวมถึงการให้ความสำคัญกับตลาดเดินที่รวมถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เร่งการเจรจากรอบความร่วมทางการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 
     
 ในเอกสารแถลงนโยบาย ระบุด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบายเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรี และนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชน รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างของหน่วยงานความมั่นคงให้มีความทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ในศตวรรษที่21
     
 รวมถึงรัฐบาลจะร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศพร้อมกับประชาชน โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมย.) ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจปัจจุบัน และอนาคตของประเทศ 
     
 ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้มีความทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับรูปแบบและความเสี่ยงของภัยคุกคาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะการใช้เพื่อการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค การเพิ่มพูนความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และการใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างเข้มแข็งด้านสังคมของประเทศ
     
 รวมถึงยกระดับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค สานต่อนโยบาย Carbon Neutrality  เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ 
     
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.การคลัง แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)นัดพิเศษถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายไม่ได้บรรจุอยู่ในคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า เป็นคำแถลงกว้างๆ เพราะเราจะดูเรื่องการขนส่งทั้งหมด ทั้งเรื่องน้ำ อากาศ ทางบก ล้อและราง ในส่วนของเรื่องรถไฟฟ้านั้น เราต้องมาดูการเชื่อมต่อทุกสายให้เข้ากันและใช้บัตรใบเดียว จึงต้องดึงเรื่องกลับมาดูว่าค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมนั้นเท่าไหร่ และรัฐบาลจะต้องชดเชยจุนเจือเท่าไหร่ ในแง่ของงบประมาณทั้งหมด ดังนั้นขอเวลานิดนึง แต่ถูกบรรจุไว้เป็นเรื่องคร่าวๆอยู่แล้ว

     ส่วน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่า เป็นนโยบายเร่งด่วน เนื่องจากต้องใช้เวลาเจรจาหลายหน่วยงาน และรถไฟฟ้ามีหลายสี แต่ละสีมีระยะสัมปทานที่แตกต่างกัน ขั้นตอนการเจรจาใช้เวลา เมื่อเรามีระบบที่จะให้ราคา 20 บาทตลอดสาย ผู้ประกอบการจะต้องมีระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายในระบบตั๋วร่วม กรณีนี้มางรฟม.มีอยู่แล้ว แต่bts ไม่มีฉะนั้นก็ต้องเจรจากับbtsให้ติดตั้งระบบนี้ ต้องใช้งบประมาณพันล้านบาท ดังนั้น ต้องเจรจาให้btsช่วยติดตั้งให้ แต่ถึงมีเงินก็ใช่จะติดตั้งได้เลยต้องใช้เวลา หากรัฐบาลเพื่อไทยทำนโยบายนี้จะทำให้รายได้ของรถไฟฟ้าและผู้ประกอบการมีเพิ่มขึ้น และก็ต้องเจรจา เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น จะให้อะไรคืนกับรัฐ ยืนยันนโยบายนี้มีแน่นอน เมื่อถามว่า จะใช้เวลา 2-3 ปี ได้หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกิน 2 ปี 
    
 เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีในคำแถลงนโยบายรัฐบาลหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า คำแถลงนโยบายจะพูดถึงระบบโลจิสติกส์ ทำเพื่อประชาชน นโยบายนี้ก็มีส่วนอยู่ เพราะเรามีความตั้งใจที่จะทำ แต่คงไม่ได้ไปเขียนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท เพราะเป็นส่วนย่อยของนโยบายใหญ่ 
    
 เมื่อถามว่า เพื่อจะถูกมองว่าไม่ทำตามสัญญาหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนมั่นใจสามารถตอบได้ ชี้ไปแล้ว เมื่อถามว่า หากไม่บรรจุไว้ อาจถูกมองว่าเพื่อไทยบิดพริ้วหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า จากการชี้แจงและคำพูดของตน ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำสัญญา 
   
  เมื่อถามว่า ระหว่างที่ยังไม่สามารถทำได้ 100% จะปรับลดราคาแบบขั้นบันไดได้หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เพราะตั๋วร่วมไม่ใช่จะใช้ได้ทันที
    
 เมื่อถามว่า bts มีสัญญาณตอบรับที่ดีหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เชื่อว่าถ้าเราเป็นเอกชน ถ้าเราลดราคาลง จากผลการศึกษามีตัวเลขเพิ่มขึ้น 10 กว่า% รายได้ก็เพิ่มขึ้นแน่นอน เมื่อรายได้เพิ่มขึ้นเชื่อว่าเขาต้องตอบรับ
    
 เมื่อถามว่า งบประมาณที่จะอุดหนุนให้เอกชน จำนวนเท่าไหร่ นายสุริยะ กล่าวว่า เมื่อวานได้ศึกษาโดยกรมขนส่งทางรางได้ทำตัวเลขขึ้นมา ขณะเดียวกันตนให้ไปปรึกษากับนักวิชาการ ม.ธรรมศาสตร์ โดยสัปดาห์หน้า จะมานั่งคุยกันเรื่องตัวเลขดังกล่าว


 

เมื่อถามว่า หมายความว่าอีก 2 ปีค่อยทำใช่หรือไม่ เพราะช่วงแรกต้องใช้งบประมาณไปทำนโยบายเรื่องอื่นที่จำเป็นมากกว่า  นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ เราจะทำทันที เริ่มดูแลทันที เราต้องเอาระบบขนส่งทางรางทั้งหมดมาเชื่อมต่อให้เป็นรูปธรรมและเป็นบัตรใบเดียว อยู่ที่ว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเท่าไหร่
    
 เมื่อถามย้ำว่า คาดว่าจะได้เห็นภายในกี่ปี นายกฯกล่าวว่า ขอทำงานก่อนแล้วกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรมว.คมนาคม ยังไม่ได้เข้ากระทรวงเลยขอเวลาก่อนนิดนึง ทราบว่าทุกเรื่องเร่งด่วนหมด