จากกรณี เหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล Thai Oil SBM-2 ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจาก นาย อรรถพร LOAD MASTER ประจำเรือ KALLISTA แจ้งว่า เวลาประมาณ 21.30 น. เกิดเหตุท่อแตก (MAIN LINE) ระหว่างทำการดิสชาร์จสินค้า (MURBAN CRUDE OIL & ARABIAN LIGHT CRUDE OIL) ให้กับเรือ KALLISTA (IMO 9411965) สัญชาติ ปานามา เดินทางมาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อส่งสินค้าประเภท CRUDE OIL จำนวนประมาณ 273399.99 MT. ซึ่งจอดผูกทุ่นเทียบเรือ SBM ห่างจากเกาะสีชัง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 2.5 ไมล์ บริเวณท่าเรือ SBM 2 ทำให้น้ำมันรั่วไหลประมาณ 3 นาที และเกิดฟิล์มบนผิวน้ำประมาณ 100 ตารางเมตร ปริมาณที่รั่วไหล 70 ลูกบาศก์เมตร เจ้าหน้าที่เร่งทำการล้อมบูมน้ำมันที่รั่วไหลแล้ว และมีการใช้สารเคมี เพื่อคุมการกระจายของน้ำมัน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ ร่วมปฏิบัติการสกัดคราบน้ำมัน
สำหรับ เรือที่เข้าร่วมปฏิบัติการ ครั้งนี้ประกอบด้วย 1 .Sriracha 30 2.Sriracha Offshore 882 3.Kusonrak 1 4. เรือ JC Marine 19 5.เรือ JC Marine 49 6.เรือรัตนพร 23 7.เรือรัตนพร 24 8.เรือ OSR 1 9.เรือ Sriracha 8 10.เรือ Sriracha 24 11.เรือ Blue Sea Marine 12.เริอ ธยันชนก และ ทีมเจ้าท่า คือ เรือยนต์ตรวจการณ์เจ้าท่า 804 เรือชลธารานุรักษ์ ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 5.5 ไมล์ ห่างจากเกาะล้านไปทางทิศใต้ ประมาณ 8 ไมล์ และห่างจากหาดพัทยา ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 10 ไมล์ คาดการณ์ว่าน้ำขึ้นลงวันที่ 4 กันยายน 2566 น น้ำขึ้นในช่วงเวลา 08.00 น. และ 20.00 น.น้ำลงช่วงเวลา 13.00 น. ข้อมูลจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ
ทั้งนี้ ทางบริษัทไทยออยล์ ได้ชี้แจงว่า ได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้วและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งได้เตรียมสารเคมีและอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมดำเนินการขจัดคราบน้ำมัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน
โดยได้รับการรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำเร่งขจัดคราบน้ำมัน โดยล้อมบูม ระยะห่างจากทุ่น 400 เมตร และ จัดเรือเฝ้าระวังบริเวณที่เกิดเหตุ ทำการตรวจสอบทุก 30 นาที ยังไม่พบคราบน้ำมันเพิ่มเติม โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผวจ.ชลบุรี ในฐานะ ผอ.ศรชล.จว.ชลบุรี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า น.อ.พินัย จินชัย รอง ผอ.ศรชล.จว.ชบ. นายวีรชาติ พุทธรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ร.ต.อ.ขจรยศ เกื้อหนุน ผู้อำนวยการกองบริการท่าเรือแหลมฉบัง ป้องกันจังหวัดชลบุรี สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยนำคณะลงเรือที่ กองบริการท่าเรือแหลมฉบัง โดยมี ร.ต.อ.ขจรยศ เกื้อหนุน ผู้อำนวยการกองบริการ ท่าเรือแหลมฉบัง อำนวยความสะดวก
ด้านนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชลบุรี เผยหลังจากลงเรือไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว จากหลายหน่วยงานนานกว่า 7 ชั่วโมง และกลับขึ้นฝั่งมาเมื่อเวลา ประมาณ 20.00 น. ว่า การลงจุดเกิดเหตุตรวจสอบว่าน้ำมันรั่วไปในทิศทางใดและปริมาณเท่าไร เพื่อจะได้วางแผนในการแก้ไขขจัดคราบน้ำมัน โดยพบว่า ท่อส่งบนผิวน้ำระเบิดและแตกออก ประมาณ 5 เมตร ซึ่งระบบวาล์ว สามารถตัดภายในเวลา 5 นาที ซึ่งทำให้น้ำมันไหลลงทะเลเพียง 4-6 หมื่นลิตร จากความจุของเรือประมาณ 3 แสนตัน ซึ่งถือว่าไม่มากนัก แต่กระแสลมแรงทำให้คราบน้ำมันกระจายรวดเร็ว ซึ่งคณะทำวานได้เร่งขจัดคราบน้ำ โดยใช้วิธีตัดคราบน้ำเป็นช่วง ๆ ซึ่งล่าสุด สามารถขจัดคราบน้ำได้แล้วประมาณ 80 % ส่วนที่เหลือประมาณ 20 % ได้กระจายไปท้ายเกาะสีชังบางๆ และอาจไปถึงบางแสนเล็กน้อยตามทิศทางลม เนื่องจากวันนี้กระแสลมแรง ส่วนที่หาดพัทยา คราบน้ำมันไปไม่ถึงแน่นอน สำหรับคราบน้ำมันที่เห็นในวันนี้ เป็นก้อนเก่าตั้งแต่คืนเกิดเหตุ วันนี้ไม่มีการรั่วไหลเพิ่มแต่อย่างใด
สำหรับ แผนการจัดเก็บคราบน้ำมันที่เหลือและอาจขึ้นฝั่ง ทางคณะทำงานได้มีการวางกำลังจากกองทัพเรือ ประมาณ 100-200 นายไปเฝ้าระวัง หากพบก็จะดำเนินการจัดเก็บทันที ตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ เบื้องต้นขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลมากนัก คราบน้ำมันที่รั่วไม่มากนัก และสามารถขจัดคราบน้ำน้ำมันได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในเรื่องของผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น หลังจากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงต้องมาหารือกัน โดยนำบทเรียนจากระยอง ว่าสุดท้ายแล้วชาวประมงได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน อาหารทะเลมีผลกระทบหรือไม่อย่างไร ซึ่งขณะนี้สาธารณสุข ได้ออกมาเตือนแล้วให้ระมัดระวัง ส่วนสารเคมีที่ใช้ในการขจัดคราบน้ำมันก็เป็นสารที่ใช้โดยทั่วไปและได้รับอนุมัติจาก กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต และสุดท้ายก็ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ส่วนเรื่องของคดีความ กรมเจ้าท่าคงแจ้งความดำเนินกับไทยออยล์ ทั้งนี้ได้รับการยืนยันว่า ไทยออยล์พร้อมที่จะรับผิดชอบค่าเสียงหายทั้งหมด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้