สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตลาดข้าวโลกต้องประสบกับภาวะตึงตัวอย่างหนัก พร้อมกับราคาได้ทะยานพุ่งสูงขึ้นจนทำสถิติใหม่ในการซื้อขายเมื่อช่วงสิ้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากทางการอินเดียได้ระงับการส่งออกข้างทุกชนิด ยกเว้นข้าวบาสมาติ เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน หรือตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.เป็นต้นมา

โดยข้าวหัก 5% ของไทย ซึ่งถูกยกให้ค่ากลางของตลาดข้าวในภูมิภาคเอเชีย มีราคาเพิ่มสูงขึ้นจนมาอยู่ที่ตันละ 648 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยเกือบ 23,000 บาท) ถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2008 (พ.ศ. 2551) เป็นต้นมา ส่วนข้าวหอมมะลิของไทย ราคาก็ทำสถิติใหม่ในการซื้อขายด้วยเช่นกันที่ตันละ 796 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 28,000 บาท) ในการซื้อขายเมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ราคาตันละ 662 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 23,290 บาท)

ทางด้าน บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า มีความกังวลต่อสถานการณ์ความมั่นคงทางอาหารของโลก หากกลุ่มประเทศส่งออกข้าวอันดับ 2 และ 3 ของโลก ซึ่งหมายถึง ไทยและเวียดนาม ระงับส่งออกข้าวตามอย่างอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก โดยอินเดียอ้างระงับการส่งออกข้าวของตนว่า เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดอาหารภายในประเทศ และเพื่อควบคุมราคาอาหารภายในอินเดียไม่ให้สูงเกินไป