นักวิชาการเสนอ ครม.เศรษฐา 1 เร่งอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น พร้อมปฏิรูประบบภาษี ผลักดันรัฐสวัสดิการ แต่ต้องคำนึงถึงความสามารถการคลัง   

เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66 สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนา โจทย์ยากแก้เศรษฐกิจขาลง.. รอรัฐบาลเศรษฐา 1 เข้ามาแก้ ณ ที่ทำการชั่วคราว สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ศูนย์การค้าบางซื่อจังชั่น โดยมีนักวิชาการอาวุโสเข้าร่วมหารือและนำเสนอนโยบายในการแก้ปัญหาของไทย โดยนายนริษฐ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า มองว่ารัฐบาลต้องรักษาสมดุลนโยบายระหว่างกลุ่มเสรีนิยมและอนุรักษนิยมให้ไปด้วยกันได้ ขณะเดียวกัน ในระยะสั้น รัฐบาลจะได้รับแรงกดดันจากประชาชนเพื่อให้ดำเนินนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ แต่ก็ต้องพิจารณาความจำเป็น ปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และความสามารถทางการคลังร่วมด้วย ควรผลักดันรัฐสวัสดิการที่ไม่เป็นภาระต่อการคลังในระยะยาว


ขณะที่นายธนิต โสรัตน์รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ quick win ให้เห็นผลใน 3 เดือนก่อน เช่น มาตรการอัดฉีดเงิน โครงการเงินกู้ SMEs มาตรการแก้ไขเรื่องหนี้ที่ตรงจุด ไม่ช่วยแบบหว่านแหแต่สุดท้ายไม่สามาถแก้ปัญหาได้จริง เพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก อย่างไรก็ตาม นโยบายขึ้นค่าแรง 600 บาท ที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะได้รับผลกระทบมาก รวมถึงการปรับฐานเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 25,000 บาท อาจส่งผลให้แรงงาน ป.ตรีตกงาน และนักเรียนจะเลือกเรียน ป.ตรี จนสายอาชีวะ สายอาชีพหายไปจากตลาดแรงงงาน จึวต้องมีการพิจารณาให้ดี ขณะที่ภาคแรงงานก็ต้องมีการพัฒนาทักษะแรงงานให้เร็วที่สุดภายใน 1 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อน GDP ของไทย และลดความเสี่ยงการตกงาน  ด้านนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ มองว่า เรัฐควรจัดสรรงบสวัสดิการจากเงินงบประมาณกว่า 5.6 แสนล้านให้ดี เพิ่มอัตรารัฐสวัสดิการบางส่วน เช่น เบี้ยคนสูงอายุ คนพิการ ไม่ควรตัดหรือปรับลดสวัสดิาการของประชาชนมากกว่านี้ และควรมีการปฏิรูประบบภาษี เช่น ให้เป็นอัตราก้าวหน้า เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้ให้กับรัฐบาล แม้อาจได้รับเสียงคัดค้านจากภาคธุรกิจก็ตาม