ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่วัดหนองดี หมู่ 1 ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช พบกับพระปลัดยศกฤต ยโสธโร เจ้าอาวาสวัดหนองดี เจ้าคณะตำบลทุ่งสง นายสิทธิ์โชค เหล่าหิรัญชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ทุ่งสง อ.นาบอน ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ประจำสถานีตำรวจภูธรนาบอน และสามเณรกิตตินันท์ กองผล อายุ 10 ปี เพื่อร่วมเดินทางไปกับรถตู้ของทางวัด ในการพาสามเณรกิตตินันท์ ไปพบกับ น.ส.กำไลทิพย์ อายุ 26 ปี แม่ของสามเณรกิตตินันท์ ในพื้นที่ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช หลังจากแม่ลูกขาดการติดต่อไม่ได้พบเจอหน้ากันมานานร่วม 10 ปี
สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา นางเบญจวรรณ ปัจจุบันอายุ 46 ปี ชาว อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ผู้เป็นย่าซึ่งขณะนี้ป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 นำ ด.ช.กิตตินันท์ อายุ 10 ปี หลานชายไปบวชสามเณรภาคฤดูร้อนกับพระปลัดยศกฤต ยโสธโร เจ้าอาวาสวัดหนองดี เจ้าคณะตำบลทุ่งสง นางเบญจวรรณคิดว่าตัวเองคงอยู่ได้ไม่นานก็ต้องล้มหายตายจาก ด.ช.กิตินันท์ และเกรงว่า ด.ช.กิตินันท์จะไม่มีคนดูแลจึงอยากจะให้บวชเรียนอยู่ที่วัดแห่งนี้ หลัง ด.ช.กิตตินันท์ ได้บวชเป็นสามเณรเรียนหนังสืออยู่กับพระปลัดยศกฤตเจ้าอาวาสมาได้ระยะหนึ่ง กลางเดือนกรกฏาคมพระปลัดยศกฤตสังเกตสีหน้าอาการของสามเณรดูเหม่อลอยเซื่องซึมจึงได้พูดคุยสอบถามสามเณรว่าเป็นอย่างไร สามเณรก็ได้ตอบว่า "ผมคิดถึงแม่อยากเจอหน้าแม่"
เช้าวันรุ่งขึ้นพระปลัดยศกฤตเจ้าอาวาสโทรศัพท์ประสานมาทางนายสิทธิ์โชค เหล่าหิรัญชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ประจำสถานีตำรวจภูธรนาบอน เข้ามาปรึกษาหารือที่วัด เพื่อช่วยตามหาแม่ของสามเณรกิตตินันท์ นายสิทธิ์โชครับปากพร้อมให้การช่วยเหลือ พยายามค้นหาข้อมูลชื่อที่อยู่แม่สามเณรตามทะเบียนราษฏร์ว่าพักอาศัยอยู่ที่ใด และได้ไปสอบถามนางเบญจวรรณย่าของสามเณรแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไร ต่อมาในวันที่ 4 ส.ค.2566 นายสิทธิ์โชคได้ประสานมาทาง น.ส.จันทร์จิรา สรงชล ยุติธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอความช่วยเหลือในการตามหาแม่ของสามเณรกิตตินนท์ ที่แม่ลูกขาดการติดต่อไม่ได้พบเจอหน้ากันมานานร่วม 10 ปี ตั้งแต่สามเณรอายุได้เพียง 1 ปี
ด้าน น.ส.จันทร์จิรา ยุติธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ทราบเรื่องสืบค้นข้อมูลอยู่ร่วมเดือนจนไปพบว่า น.ส.กำไลทิพย์ แม่ของสามเณรมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฏร์ในพื้นที่ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ประสานมาทางนายเสริม ธุระวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช กำนันในพื้นที่ให้ช่วยกับตามหา
จนไปพบเจอตัว น.ส.กำไลทิพย์ แม่ของสามเณรทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.พระพรหม นายเสริมผู้ใหญ่บ้านจึงติดต่อกลับมาทาง น.ส.จันทร์จิรา สรงชล ยุติธรรมจังหวัด เพื่อนัดวันที่จะพาสามเณรกิตตินันท์ไปพบกับ น.ส.กำไลทิพย์ ผู้เป็นแม่ กระทั่งตอนบ่ายสามโมงเย็นวันที่ 1 ก.ย. พระปลัดยศกฤต ยโสธโร เจ้าอาวาสวัดหนองดี เจ้าคณะตำบลทุ่งสง นายสิทธิ์โชค เหล่าหิรัญชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ทุ่งสง อ.นาบอน ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ประจำสถานีตำรวจภูธรนาบอน พร้อมกับ น.ส.จันทร์จิรา สรงชล ยุติธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช และคณะ นำสามเณรกิตตินันท์ เดินทางมาพบกับ น.ส.กำไลทิพย์ ที่ร้านอาหารที่ น.ส.กำไลทิพย์ แม่ของสามเณรทำงาน
ครั้งแรกที่สองแม่ลูกได้พบเจอหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างพากันมึนงงจำหน้ากันไม่ได้โดยเฉพาะคนเป็นแม่ ทาง น.ส.จันทร์จิรา ยุติธรรมจังหวัดต้องนั่งอธิบายถึงความเป็นมาในการมาตามหาให้คนเป็นแม่ของสามเณรฟัง หลังแม่ลูกได้เจอหน้าและได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งคู่ถึงกับสะอื้นร่ำไห้ คนเป็นแม่จึงโผเข้ากอดสามเณร โดยมีพระปลัดยศกฤต เจ้าอาวาสที่นั่งร่วมวงสนทนาต้องหยิบกระดาษเช็ดหน้ายื่นให้สามเณรเช็ดน้ำตา ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ช่วยกันตามหา จนสามฝันให้แม่ลูกที่จากกันนาน 10 ปีได้พบเจอกันอีกครั้ง เป็นภาพที่ทุกคนเห็นแล้วประทับใจทำเอาทุกคนที่ไปน้ำตาคลอเบ้าไปตามกัน
โดยเจ้าหน้าที่ให้เวลาความเป็นส่วนตัวของสองแม่ลูกได้อยู่พูดคุยกันตามลำพังนานร่วม 2 ชั่วโมง กระทั่งได้เวลาสี่โมงเย็นเจ้าหน้าที่ต้องเดินทางกลับยังที่ทำงาน น.ส.กำไลทิพย์ แม่สามเณร และเจ้าของร้านที่ น.ส.กำไลทิพย์ทำงานอยู่ได้เดินมาส่งทุกคนขึ้นรถกลับ และได้นำเงินจำนวน 500 บาท เพื่อฝากไว้ให้สามเณรได้ใช้จ่าย ขณะที่สามเณรนั่งอยู่บนรถตู้เพื่อเดินทางกลับวัด
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยสอบถามสามเณรว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มาเจอแม่ในวันนี้ สามเณรบอกเพียงสั้นๆว่า"ดีใจมากกลับวัดคงจะนอนหลับคิดถึงแม่