ประยุทธ์ถือฤกษ์ดี 9 โมง 9 นาที เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบฯ วันสุดท้าย อธิษฐานบ้านเมืองสงบร่มเย็น   บิ๊กป้อม ไม่เล่นการเมือง เตรียมลาออก "ส.ส.พปชร."นั่งหน.พรรคอย่างเดียว ด้าน"เศรษฐา"คาดตรวจคุณสมบัติรมต.เสร็จ ทูลเกล้าฯ 1 กันยาฯ "บิ๊กน้อย" แจงลาออกสมาชิกพปชร.  เชื่อ"สุทิน" ทำงานร่วมเหล่าทัพได้ 
  
     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 เวลา 09.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ด้วยรถเบนซ์ส่วนตัวหมายเลขทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  โดยทันทีที่มาถึงพล.อ.ประยุทธ์ ทักทายสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า สวัสดีจ๊ะ  ทั้งนี้ นายอนุชา นาคาศัย รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มารอต้อนรับ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ถือฤกษ์เวลา 09.09 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ ศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย   โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อธิฐานอะไรบ้าง  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้บ้านเมืองสงบ ร่มเย็นทุกคนมีความสุข

เมื่อถามว่า วันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายที่ทำงานที่ทำเนียบฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  "ก็เป็นอย่างนั้น ถึงมาลาวันนี้ เป็นมารยาทๆ แต่ก็ยังทำงานอยู่ เมื่อถามต่อว่า รู้สึกอย่างไรกับการทำงานมา 9 ปี พล.อ.ประยุทธ์  ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว


 จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ให้เป็นวันดีๆ และเป็นวันพระด้วย ก่อนจะหันมายิ้มให้ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายรูป
   

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ สักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า และถือฤกษ์เดินทางออกจากทำเนียบฯ ในเวลา 14.00 น. โดยจะส่งคืนรถประจำตำแหน่ง และของหลวงทั้งหมด ก่อนเดินทางออกจากทำเนียบฯด้วยรถยนต์ส่วนตัว


     ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบคุณสมบัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เข้าใจว่าพรุ่งนี้ น่าจะแล้วเสร็จ และหวังว่าจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้เลย เมื่อถามถึงคุณสมบัติ นายพิชิต ชื่นบาน ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่แม้อาจไม่ขัดต่อคุณสมบัติ แต่อาจจะมีการร้องเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม ว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับว่าที่รัฐมนตรีทุกคน หากไม่ผิดข้อบทกฎหมาย และตรวจสอบคุณสมบัติผ่านแล้วก็ถือว่าไม่ผิดจริยธรรม


     เมื่อถามว่า มีคนมองว่าเรื่องจริยธรรมนายกฯ อาจต้องช่วยพิจารณาเรื่องความเหมาะสมด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตอนนี้กำลังขอความเห็นด้านกฤษฎีกาที่จะมีความเห็นออกมาในวันพรุ่งนี้  หากมีความเห็นว่าคุณสมบัติสามารถผ่าน ตนก็หวังว่าจะเป็นที่สิ้นสุด เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงหรือไม่ว่าหากรายชื่อออกมาสังคมจะออกมาคัดค้านภายหลัง นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีใครถูกใจทั้งหมดกับทุกท่านที่สรรหาเข้ามา แต่ก็ต้องให้เกียรติทางพรรคร่วมรัฐบาลและว่าที่รัฐมนตรีทุกท่านที่จะอาสาเข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติ ขอให้รอดูและวัดกันผลงานดีกว่า ทั้งนี้คาดว่ากฤษฎีกาจะออกมาในวันพรุ่งนี้


     เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย  ใช้ถ้อยคำรุนแรงวิพากษ์วิจารณ์การจัด ครม. ของพรรคเพื่อไทย ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน นายเศรษฐา กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ก็น้อมรับฟังครับ ไม่มีอะไรจะไปตอบโต้ครับ เมื่อถามถึงกรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ขอให้นายกฯ พิจารณาเป็นที่ปรึกษานายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า มีคนเสนออะไรมาเยอะแยะ ก็จะรับพิจารณา มีหลายคนอยากเข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติ ก็จะรับพิจารณา


     เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลตั้งคำถามการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะอยู่ในการประชุม ครม. นัดแรกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว คงมีอะไรหลายเรื่อง เช่น เรื่องการพักหนี้เกษตรกร ขอให้อดใจรอนิดหนึ่ง และวันนี้เวลา 10.00 น. ตนจะมีเจอกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) เพื่อหารือเรื่องของการพักหนี้ ซึ่งว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจะมาพูดคุยด้วยว่าขั้นตอนจะดำเนินการ ได้ทันทีหรือไม่ เพราะประชาชนเดือดร้อนหนี้สินเป็นจำนวนมาก


     เมื่อถามว่า ประชาชนหลายคนอยากทราบว่าตัวเลขการลดราคาพลังงานจะมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอทำตัวเลขนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ ก็มาให้ข้อมูลแล้ว มีแนวทางชัดเจนแล้ว แต่ขอดูเรื่องตัวเลขอีกนิดว่าตรงไหนเหมาะสมรวมถึงต้องปรึกษากระทรวงว่าการคลังด้วยถึงเรื่องงบประมาณต่างๆ อย่าให้ตนพูดไปก่อน และคิดว่าตัวเลขเรื่องค่าพลังงานจะไม่มีปัญหาหากประกาศลดในครั้งแรกที่ประชุม ครม.นัดแรกเลย


     เมื่อถามถึง การพูดคุยกับสายการบินในช่วงที่ผ่านมา นานเศรษฐา กล่าวว่า ขอบคุณผู้ให้บริการสายการบินที่ได้ตอบรับการขยายเที่ยวบิน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่แค่ที่จ.ภูเก็ต ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เข้ามาพูดคุย และตนให้คำแนะนำไปว่าต้องดูทุกภาคส่วนด้วย 


     เมื่อถามว่า ในการลงพื้นที่พบปะประชาชน กลัวว่าจะเจอมวลชนที่คัดค้านหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาเมื่ออาสามาทำงานการเมือง เรื่องเหล่านี้เราก็ต้องรับฟัง มีทั้งคนติ มีทั้งคนชม มีทั้งคำแนะนำ ก็อยากให้เป็นการติเพื่อก่อ ตนเพิ่งเข้ามา ก็มีความตั้งใจจริงที่จะรับฟังปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบจริงๆ อะไรที่สามารถแก้ไขได้ก็จะรีบด่วนการทำ จึงบอกว่าในการประชุมครม. นัดแรกมีหลายเรื่องที่ต้องทำ วันนี้จะโทรหาหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย


       เรื่องของการแถลงนโยบายก็สำคัญ โดยหลังจากถวายสัตย์ฯเสร็จก็จะมีการแถลงนโยบาย และขณะนี้แผนกนโยบายก็กำลังทำและรวบรวมนโยบายจากพรรคต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งขอให้รอดูอีกนิด ใกล้เคียงเกือบจะ 100% แล้วมีเวลาอีก 1 สัปดาห์น่าจะจบได้ นายเศรษฐา กล่าว 


     ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์  เทพสุทิน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 160 (4) แห่งรัฐธรรมนูญ ว่า มีบุคคลภายนอกร้องเรียนเรื่องของตนเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมาย และระเบียบแบบแผนของทางราชการ ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ซึ่งเมื่อตนได้ดูในรายละเอียดมีอยู่ 2-3 ข้อ ประกอบด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยตัวหรือลดโทษให้แก่ผู้ต้องขังในกรณีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจากสถานการณ์โควิดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลอดจนเหตุการณ์แหกคุกและทำลายทรัพย์สินราชการที่จ.บุรีรัมย์ รวมถึงเหตุการณ์ในจ.กระบี่ที่มีความต่อเนื่องกันจะเห็นได้ว่ามีความรุนแรง 


     โดยการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นพระราชอำนาจนั้น ไม่สามารถกระทำได้โดยเฉพาะเจาะจง ผู้ต้องขังทั้งหมดควรได้รับสิทธิ์ แต่อำนาจในการขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ต้องเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการส่วนอื่นๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางกฎหมาย โดยมีอดีตอัยการสูงสุดและผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน พิจารณาในข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่าไม่พบความผิดอะไรทั้งสิ้นในการใช้กฎหมายของตนและผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้มีการประมาตรการหรือมาตรฐานในการขอพระราชทานอภัยโทษตามหลังมาอีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่จบสิ้นแล้ว


     นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยว่า ได้มีการถอนหนังสือร้องเรียนดังกล่าวออกจาก ป.ป.ช. ไปในวันที่ 3 ก.พ.66 แล้ว โดยที่ตนไม่ได้รับการประสานให้ไปชี้แจง กับ ป.ป.ช. แต่อย่างใด 


     ขณะที่ประเด็นที่ตนใช้ระเบียบของกรมบัญชีกลาง ในการจัดซื้อต่างๆ ก็ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่ได้มีการขัดต่อระเบียบของทางราชการแต่อย่างใด และได้มีการทำหนังสือชี้แจง ส่งไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับหนังสือในช่วงบ่ายวันนี้ 


  นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การร้องเรียนต่างๆนี้ ทำได้ง่ายเหลือเกิน ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายที่ตนพยายามผลักดันเมื่อครั้งที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คือ Law of efficiency เพื่อเป็นกลไกกำหนดกฎเกณฑ์ในการร้องเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเป็นปัญหาทำเรื่องดีๆ ให้เสียไป


     ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ว่า ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง 


 ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร เตรียมลาออกจากตำแหน่งส.ส. แต่ยังคงนั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม โดย พล.อ.ประวิตรวงษ์ ระบุว่า เตรียมจะลาออกจากส.ส.ในเร็วๆ นี้ และให้คนอื่นได้เข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.แทน ส่วนตัวเองจะไปทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอย่างเดียว และขอให้โชคดีทุกคน


      อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 3/2566 ของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกำหนดกิจกรรมของพรรคโดยเฉพาะเกี่ยวกับการประชุม ส.ส. และประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกฯ มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ตามที่พล.อ.ประวิตรมอบหมาย โดยมีรายงานว่าพล.อ.ประวิตรไม่มีภารกิจภายนอกอยู่ภายในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด 


     พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานยุทธศาสตร์ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกจากประธานยุทธศาสตร์และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่า อยากมาดูแลงานด้านกีฬาอย่างเต็มตัว เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีชื่อเป็นรมว.กลาโหม พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน โดยส่วนตัวก็ไม่อยากเป็นอยู่แล้ว และเก้าอี้รมว.กลาโหมไม่ใช่โควต้าของพลังประชารัฐ


     สำหรับกรณีเก้าอี้รมว.กลาโหมเป็นโควต้าส่วนกลาง และมีชื่อพล.อ.วิชญ์ในช่วงแรกนั้น ตนก็ไม่เข้าใจตรงนี้เหมือนกัน ส่วนกรณีที่คนในพรรคพลังประชารัฐแสดงความเห็นหากพล.อ.วิชญ์นั่งเก้าอี้รมว.กลาโหมจะไปตัดโควต้ารัฐมนตรีอื่นของพรรคนั้น  พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ตอนนี้แค่การจัดตั้งรัฐบาลก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว เพราะมีหลายพรรค ทุกคนก็ต้องการเข้าไปเป็นรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้สามารถตั้งรัฐบาลได้ก่อน โดยส่วนตัวมองว่าอยากให้ประเทศเดินหน้าก่อน หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้นค่อยว่ากัน 


     พล.อ.วิชญ์ ยังได้แสดงความเห็นว่า นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่มีชื่อนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม จะทำหน้าที่ได้ เพราะที่ผ่านมาก็มีพลเรือนนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหลายคน ส่วนที่มีการระบุว่าไม่อยากอยู่ขวางหูขวางตาคนนั้น ไม่ขอเอ่ยชื่อ ให้ดูกันเอาเอง จึงเลือกที่จะลาออกและมาทำงานด้านการกีฬาดีกว่า ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตรได้ทักท้วงอะไรหรือไม่ พล.อ.วิชญ์ ยืนยันว่า ก็ไม่มีอะไร ท่านบอกว่ามาอยู่ตรงนี้จะได้มีเวลา 
     

เมื่อถามว่า นายสุทินไม่ได้นั่งควบรัฐมนตรี เหมือนคนอื่นๆนั้นจะเกิดปัญหาในการทำงานหรือไม่ เชื่อว่าคงไม่ลำบากเพราะนายสุทินก็เป็นคนเก่ง และจะไม่มีปัญหาในการทำงาน ประสานงานร่วมกับเหล่าทัพ ส่วนใหญ่ก็คงจะทำหน้าที่ในเรื่องของการผลักดันนโยบาย ขณะที่เหล่าทัพก็สนองตามนโยบาย เมื่อถามถึงสุขภาพร่างกายและจิตใจของพล.อ.ประวิตรในช่วงนี้ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรไม่มีอะไรเลย ท่านเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง เหลือเพียงแต่กำลังขาที่อ่อนแรง
     

ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาล ว่า วันเวลาที่จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งถ้าสภาได้รับเรื่องจากรัฐบาลแล้วจะนัดประชุมวิปทั้ง3ฝ่าย เพื่อตกลงวันและเวลาที่มีความพร้อมที่สุด ซึ่งคิดว่าจะเป็นเร็วๆนี้ เบื้องต้นทางรัฐบาลยังไม่ประสานมาว่าจะแถลงเมื่อใด เข้าใจว่ารัฐบาลต้องนำคณะรัฐมน