จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส.นั้น 

ล่าสุด วันที่ 30 ส.ค.66 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้แถลงถึงการยื่นหนังสือลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และมีผลในวันที่ 1 ก.ย. ว่า เป็นการเสียสละ โดยเป็นความตั้งใจของตนหลังจากที่ช่วยเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยสามารถตั้งรัฐบาล ด้วยการจับมือกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรวมเสียงสนับสนุนให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ได้

“ผมถือว่าภารกิจของผมที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยเสร็จแล้ว ผมก็จบแล้ว เพราะได้ทำหน้าที่ทั้งสนับสนุนและยกมือโหวตให้นายเศรษฐา ในวันที่ 22 ส.ค. ได้บรรลุผลแล้ว จากนั้นวันที่ 23 ส.ค. ผมได้ยื่นลาออก เพื่อให้สมาชิกพรรคได้เป็นสส. และทำบทบาทของหัวหน้าพรรค เพื่อสร้างพรรคเสรีรวมไทยได้เต็มที่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดสรรโควตารัฐมนตรีทั่วๆ ไปหมือนหมาแย่งชามข้าว ตนไม่ได้หมายถึงตอนนี้ แต่เมื่อแย่งโควตารัฐมนแล้ว ตนสงสัยว่าทำไมไม่อายข้าราชการในกระทรวง คนที่จะเป็นรัฐมนตรีที่มาจากการซื้อขาย ตนมองว่าไม่ใช่ผู้นำระดับสูงสุด หรือระดับ 5 ส่วนคนเป็นนายกฯ​ต้องสร้างชาติ ต้องคิดถึงเรื่องคน ตอนนี้ตนเป็นคนในระดับผู้นำสูงสุด คือ คนที่เสียสละ ทั้งนี้ ตนไม่เคยมีสัญญากับพรรคเพื่อไทยว่ามาช่วยแล้วต้องมีตำแหน่ง แต่ตอนพรรคก้าวไกลยอมรับว่า เขาเสนอตำแหน่งให้และดีกว่าพรรคเพื่อไทยอีก ทั้งนี้เมื่อไปไม่ได้เขาต้องยอมรับ ซึ่งเขาเล่นการเมืองเมื่อเขาไปไม่ได้ ตนอื่นต้องไปไม่ได้ด้วย 

เมื่อถามว่าการลาออกครั้งนี้เพราะผิดหวังไม่ได้ตำแหน่งหรือไม่ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ไม่ได้ผิดหวังอะไร แต่จากการเลือกคน ไปตั้งใครไม่รู้ ทั้งอดีตนักโทษ คนที่เคยติดคุกมา คนที่ไม่มีประสบการณ์ อย่าง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่มีชื่อติดโผ เคยถูกไล่ออกกจากราชการเพราะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ที่ทำหน้าที่แล้วมีคนตาย แม้ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเป็นหัวหน้า คสช.จะยกโทษให้ แต่ความผิดนั้นยังคงอยู่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่ทนายยื่นตรวจสอบ พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีที่มีลักษณะต้องห้าม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เหตุผลต้องยื่นเพื่อไม่ให้เลขาธิการสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ติดคุก เนื่องจากเป็นผู้ที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี แต่หากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบไม่ผิด ตนจะตรวจสอบต่อเอง หากกรณีนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าขาดคุณสมบัติ เชื่อว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่กำกับ สลค.ต้องรับผิดชอบ