วันที่ 30 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง กล่าวก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้กรมสรรพากรตรวจสอบนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ว่าที่รมช.มหาดไทย กรณีการเสียภาษี ว่า ทุกอย่างต้องอธิบายในหลักของกฎหมาย คุณสมบัติหรืออะไรต่างๆ พรรคได้มีการตรวจสอบในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ก็จะมีการตรวจสอบอีกระดับหนึ่ง และประชาชนก็จะมีการตรวจสอบด้วย หากตรงไหนไม่ถูกต้องตามคุณสมบัติ หรือกฎหมาย ก็ต้องเป็นไปตามนั้น พร้อมยืนยันว่า เราไม่ทำผิดกฎหมายแน่นอน ความรู้สึกของคนก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ จะเอามาเป็นสาระสำคัญไม่ได้ ต้องดูตามกฎหมาย
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะมีสิ่งเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องกับนายชาดา นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักฐาน ตนไม่เคยเห็นนายชาดาทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ถูกต้อง หรือสิ่งที่ไม่เหมาะสมใดๆ เวลาอยู่ที่ จ.อุทัยธานี ก็ต้องไปพบปะกับชาวบ้าน และทำตัวกลมกลืนกัน ต้องไปถามคนอุทัยธานีว่านายชาดาเป็นอย่างไรซึ่งตนมั่นใจว่าชาวอุทัยธานีต้องตอบว่านายชาดาเป็นคนที่รับใช้ประชาชน ทุ่มเท เสียสละ
เมื่อถามถึง กรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายตำรวจจะมาดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ นั้น นายอนุทิน ย้อนกลับว่า “พล.ต.อ. ครับ” พร้อมกล่าวต่อว่า เปลี่ยนหมดแล้ว
เมื่อถามถึง การอำลาตำแหน่งของนายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุทิน กล่าวว่าตนเองยังไม่ได้โปรดเกล้าฯ ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ ส่วนจะพร้อมทำงานในตำแหน่ง รมว.มหาดไทยหรือไม่ ก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรี ว่าจะแต่งตั้งให้ตนไปอยู่ที่ไหน แต่หากได้อยู่ในกระทรวงนี้ ก็จะทำงานเพื่อประเทศและประชาชน
เมื่อถามถึง โผ ครม.ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ มีการพิจารณาบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งอย่างไร นายอนุทิน ย้อนถามว่า “ใครวิจารณ์”
เมื่อถามย้ำ ถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าบุคคลที่จะดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการไม่ตรงสายนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า “แล้วผมมีประสบการณ์หมอไหม”
เมื่อถามต่อว่า นโยบายการศึกษาของพรรคภูมิใจไทยจะยึดตามนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทำร่วมกัน เรามีการประชุมหารือกัน อย่างวันนี้เราก็ได้ส่งทีมของพรรคภูมิใจไทยไปร่วมร่างแถลงนโยบายกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราก็ต้องรับฟังนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพื่อให้ออกมาเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
รวมไปถึงหากเราได้บริหารกระทรวงศึกษาธิการก็จะนำนโยบายหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เข้าไปด้วย ซึ่งจะมีการพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังด้วย และเราได้ทำสำเร็จไปแล้วเกินกว่าครึ่งในการปลดภาระผู้ค้ำประกัน ปลดภาระดอกเบี้ยโดยไม่มีการขึ้นดอกเบี้ย ขณะนี้เหลืออยู่ 1% พรรคภูมิใจไทยจะเสนอให้เป็น 0% แต่จะผลักดันให้สำเร็จให้ได้ พร้อมย้ำว่า “พูดแล้วต้องทำ ไม่ทำก็ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย”