วันที่  29 ส.ค.66 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว ว่า “ ผมได้รับคะแนนจากการเลือกตั้ง 45,812 คะแนน เป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าของวลี #น้ำกินน้ำใช้ต้องไม่ขาดแคลน  ขอให้หยุดเผยแพร่ข่าวที่เป็นเท็จเกี่ยวกับ โควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี จาก ส.ส. จังหวัดกาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย 4 คน

โดยหลายสำนักพิมพ์ระบุว่าจังหวัดกาญจนบุรีได้ ส.ส. พรรคเพื่อไทย จำนวน 4 คน และได้โควต้าเก้าอี้ รมช.คค. นั้น ผมเป็นหนึ่งใน ส.ส. 4 คนนั้น ผมขอยืนยันว่าตัวผมไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มใครทั้งนั้น ตั้งแต่ก่อนสมัคร ส.ส. ระหว่างการหาเสียง และปัจจุบันได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. มา เพราะผมทำงานอย่างหนัก และต่อเนื่องกับประชาชน ด้วยการชูนโยบายพรรคเพื่อไทย และนโยบายน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน  จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้อยู่ในกลุ่มและสังกัดของใครทั้งนั้น ดังนั้นขอให้อย่าเอาผมไปแอบอ้าง เขตเลือกตั้งผมทุรกันดาร ไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งในเขตผมอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่สอบถามชาวบ้านในเขตเลือกตั้ง กาญจนบุรี เขต 4 ทราบว่า การที่ ส.ส.ศักดิ์ดาโพสต์ข้อความในครั้งนี้ น่าจะเกิดจากการที่ ส.ส.ศักดิ์ดาลงพื้นที่ในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีประชาชนในเขตเลือกตั้งสอบถามเกี่ยวกับบทบาทส.ส.กาญจนบุรีกับการแต่งตั้งครม.ที่จะเกิดขึ้นในเร็วนี้ และการที่สื่อมวลชนลงข่าวว่าส.ส.กาญจนบุรีทั้งสี่คนเข้าสังกัดกลุ่มการเมืองของบางกลุ่ม ทำให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่คิดตามข่าวสารสอบถามส.ส.ศักดิ์ดาจำนวนมาก ทุกแห่งที่ลงพื้นที่พบประประชาชนตามปกติ ประชาขนจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้ง ครม. ทำให้สส.ศักดิ์ดาต้องอธิบายต่อประชาชนในเขตเลือกตั้งในทุกพื้นที่ ว่า ส.ส.ศักดิ์ดาสนับสนุนเห็นชอบให้ นายเเศรษฐา ทวีสินเป็น นายกรัฐรัฐมนตรีจริง แต่ไม่มีการเข้ากรวมกลุ่มสส.ใดๆ เพื่อสนับสนุนใครเป็นรัฐมนตรี 

ดังนั้นเมื่อกระแสความเข้าใจผิดของประชาชนในเขตเลือกตั้งส.ส.กาญจนบุรี เขต 4 แพร่ขยายไปอย่างรวดเร็วทุกพื้นที่ ซึ่งผลจากเรื่องนี้ทำให้ประชานเริ่มเชื่อในข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง เริ่มเกิดความเข้าใจและอาจจะเชื่อในข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง 

โดย ส.ส.ศักดิ์ดา เลือกใช้เฟซบุ๊กโดยการโพสต์ข้อเท็จจริงเพื่อสื่อสารกับประชาชนเขตเลือกตั้งว่าศักดิ์ดาชนะการเลือกตั้งมาจากพรรคเพื่อไทยและนโยบายเรื่องน้ำที่เป็นผลงานที่ทำมา ไม่ใช่มีใครมาสนับสนุนและที่สำคัญไม่ได้ร่วมสนับสนุนใครเป็นรัฐมนตรีอีกด้วย ซึ่งสื่อมวลชนไปเผยแพร่ข่าวทำให้ประชาขนในพื้นที่สับสนจนต้องแจ้งให้สังคมทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด