วันที่ 28 ส.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ระหว่างที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เตรียมนำรายชื่อว่าที่รัฐมนตรี ส่งไปให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นลำดับต่อไป ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ที่น่าสนใจ คือ การแบ่งสัดส่วนประธานคณะกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะต้องทำงานคู่ขนานกันกับฝ่ายบริหาร

โดยล่าสุด เบื้องต้นได้มีการจัดทำเอกสาร คำนวนอัตราส่วน ตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯที่แต่ละพรรคจะได้ โดยมีหลักเกณฑ์การคำนวน จากจำนวนคณะกรรมาธิการทั้งหมด (35 ตำแหน่ง คูณจำนวนสส.แต่ละพรรคการเมือง หารด้วยจำนวนสส.ทั้งหมด (499คน)

ดังนั้นพรรคที่มีสส.ถึงเกณฑ์ได้รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการ รวมทั้งสิ้นมี 8 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 10 คณะ พรรคเพื่อไทย 10 คณะ  พรรคภูมิใจไทย 5 คณะ พรรคพลังประชารัฐ 3 คณะ พรรครวมไทยสร้างชาติ 3 คณะ พรรคประชาธิปัตย์  2 คณะ พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คณะ และพรรคประชาชาติ 1 คณะ

 


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การจัดสรรประธานคณะกรรมาธิการแต่ละคณะ พรรคฝ่ายรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ต้องนำมาหารือเพื่อตกลงกันอีกครั้งว่า พรรคใดจะได้ประธานกรรมาธิการคณะใดบ้าง โดยเฉพาะสส. จากพรรคร่วมรัฐบาลคาดว่าจะมีผู้แสดงเจตจำนง ขอเข้าไปเป็นประธานกรรมาธิการเป็นจำนวนมาก ให้ตรงกับรัฐมนตรีของพรรค ที่ได้ทำงานในกระทรวงๆนั้น เพื่อให้เกิดการทำงานสอดประสานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ