นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อวันที่ 25 ส.ค.66 ตอน "สุดยอด..." โดยฉายภาพชีวิตนักโทษในเรือนจำทุกขั้นตอน ว่า ทุกกิริยาถูกเฝ้ามองและควบคุมจากกล้องวงจรปิดภาพคมชัด ยิ่งคนป่วยจะถูกบันทึกการรักษาและพาส่ง รพ.ตำรวจละเอียดยิบ ดังนั้น ความลับจึงไม่มี เชื่อหากป่วยการเมือง ไม่นานความจริงจะปรากฎด้วยภาพถ่ายมัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด
นายจตุพร กล่าวว่า สังคมเริ่มติดใจสงสัยว่า ทักษิณ ชินวัตร ป่วยการเมืองหรือป่วยจริง เพราะเมื่อวันกลับมาไทยถึงสนามดอนเมือง แกนนำพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ระบุชัดเจนมีสุขภาพแข็งแรงมาก แต่คนไทยเพิ่งรู้ว่าป่วยด้วยโรคเปราะบางเมื่อถูกนำตัวเข้าคุกและกรมราชทัณฑ์แถลงพบเป็น 4 โรคส่อวิกฤต คือ โรคหัวใจ ปอด ความดันโลหิตสูง และหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งสถานพยาบาลราชทัณฑ์ เก่งมากที่ตรวจพบโรคทั้ง 4 ด้วยอุปกรณ์หูฟ้งของแพทย์ได้ในเวลารวดเร็ว
อีกทั้ง เล่าว่า ในเรือนจำจะเปิดไฟสว่างตลอด 24 ชม. นอกจากนี้ยังมีไฟฟ้าสำรองไว้พร้อมยามไฟดับ และที่สำคัญมีกล้องวงจรปิดโชว์ภาพละเอียดยิบที่สุด เพราะเจ้าหน้าที่มีจำนวนไม่มาก กล้องวงจรปิดจึงสำคัญกับการควบคุมนักโทษในเรือนจำ ดังนั้น นักโทษเมื่อถูกส่งตัวเข้าพื้นที่เรือนจำพิเศษ ลงจากรถ เดินไปที่ประตู อยู่เรือนพยาบาล มีแพทย์มาตรวจ ถ้าป่วยมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือการใช้ดุลพินิจให้นำตัวไป รพ.ราชทัณฑ์หรือไม่ ซึ่งทุกขั้นตอนมีกล้องเฝ้าบันทึกภาพคมชัดทุกการกระทำไว้
อย่างไรก็ตาม หากนำนักโทษไป รพ.ตำรวจ แสดงว่าอาการที่บันทึกไว้ต้องเห็นภาพที่ป่วยหนักมาก โดยปกติแล้ว แพทย์จะใช้ดุลพินิจส่งไปตรวจต่อ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน แพทย์จะวินิจฉัยว่า ควรจะส่งไปรักษา รพ.ตำรวจหรือไม่ โดยขั้นตอนการรักษานักโทษจึงเป็นไปอย่างนี้ อย่างเสมอภาคทุกคนและทุกอายุ
"แสดงว่า แพทย์ใช้ดุลพินิจในวันนั้น อาการป่วยของอดีตนายกฯ ทักษิณ คงหนักมาก แต่กล้องได้บันทึกภาพคมชัดไว้ทุกอย่าง จึงต้องมีภาพปรากฎ ต้องเห็นการตรวจอาการอย่างขะมักเขม้นชัดเจน เมื่อนำตัวไป รพ.ตำรวจ กล้องจะบันทึกภาพ โชว์เวลาที่ออกจากเรือนจำและถึง รพ.ตำรวจกี่โมงไว้ด้วย"
นายจตุพร ฉายภาพการรักษานักโทษอาการป่วยหนักว่า เมื่อไปถึง รพ.ตำรวจ ต้องนำตัวเข้าห้องไอซียู เพื่อรักษาอย่างฉับพลัน ซึ่งทุกการรักษา จนอาการผู้ป่วยเริ่มดีขึ้นจึงนำตัวไปห้องพักชั้น 14 แม้แอร์ห้องเสีย ต้องใช้พัดลม 2 ตัวระบายอากาศ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องถูกกล้องบันทึกไว้หมดเช่นกัน เพราะเป็นนักโทษเด็ดขาด ศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ นายจตุพรยังกล่าวว่า "ป่วยหนักเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าป่วยจริงไม่มีใครขัดข้องกับการรักษาอย่างพิเศษ ไม่มีใครถือสาหรอก ถ้าไม่ใช่จะเป็นปัญหาใหม่เลย เพราะถัดจากนี้ไปกระแสตรวจสอบจะรุนแรง จะหนัก จะกลายเป็นทุกขลาภ และท้ายที่สุดจะถูกแรงบีบของสังคม ข้อเท็จจริงจะพาไปติดคุกกันจริงๆ แล้วจะทำใจทำผิดกันไม่ได้ ซึ่งจะไปกันใหญ่"
ขอบคุณ:รายการประเทศไทยต้องมาก่อน