อีสท์ วอเตอร์ยังเดินหน้าธุรกิจน้ำครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด “ทริสเรทติ้ง” บริษัทจัดอันดับเครดิตองค์กรชื่อดัง จัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของอีสท์ วอเตอร์ อยู่ที่ ระดับ “A Stable” สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของโครงข่ายท่อน้ำดิบที่ครอบคลุม 3 จังหวัดภาคตะวันออก พร้อมรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งจากน้ำดิบและน้ำอุตสาหกรรม
บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ได้รับการจัดอันดับจากบริษัทจัดอันดับเครดิตองค์กรชื่อดังชั้นนำอย่าง “ทริสเรทติ้ง” ให้คงอันดับเครดิตอยู่ที่ระดับ A แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนสถานะที่แข็งแกร่งของธุรกิจที่เป็นผู้บริหารจัดการน้ำที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตลอดจนบริการที่ไว้วางใจได้และประสบการณ์ที่ยาวนาน รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัท
ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงสำหรับธุรกิจน้ำดิบ หลังจากที่สัญญาเช่าท่อกรมธนารักษ์หมดอายุลงในเดือนธันวาคม 2566 อย่างไรก็ตามทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงเป็นผู้ให้บริการน้ำดิบเจ้าหลักในเขต EEC ต่อไป โดยขณะนี้บริษัทกำลังก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่ที่มีความยาวทั้งสิ้น 136 กม. ซึ่งระบบท่อส่งน้ำใหม่ดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปลายปี 2566 ดังนั้นคาดว่าสัญญาเช่าท่อส่งน้ำที่สิ้นสุดลงนั้นจะมีผลกระทบต่อบริษัทค่อนข้างน้อยเนื่องจากอุปสงค์น้ำดิบและน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นในเขต EEC ทั้งนี้ในระหว่างปี 2567-2568 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมที่รับน้ำจากท่อของกรมธนารักษ์เอาไว้ได้ในสัดส่วน 70%-80%
สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าการดำเนินธุรกิจของอีสท์ วอเตอร์จะยังคงมีความยืดหยุ่นและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงจากลูกค้าปัจจุบันต่อไป จากความต้องการน้ำดิบและน้ำอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ EEC รวมทั้งบริษัทมีแผนจะจำหน่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมให้มากขึ้นโดยให้สอดคล้องกับปริมาณที่มีอยู่แล้วกับลูกค้าตามสัญญา นอกจากนี้ยังมีการลงทุนก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำทดแทนระบบเดิมที่เช่าจากกรมธนารักษ์ และลงทุนก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของลูกค้าและเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่ยากจะคาดการณ์ โดยยังรวมถึงการก่อสร้างท่อส่งน้ำใหม่เพื่อเชื่อมต่อกับอ่างเก็บน้ำคลองหลวงซึ่งคาดว่าจะเพิ่มแหล่งน้ำที่ให้บริการแก่พื้นที่ในจังหวัดชลบุรีตั้งแต่ปี 2566 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบท่อส่งน้ำในพื้นที่ EEC และมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการให้บริการน้ำครบวงจรด้วย