ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล

เสรีภาพอยู่ในหัวใจหรืออยู่ในถิ่นที่อยู่ หลายคนไปจากเมืองไทยเพียงเพื่อไปหาที่ที่มีเสรีภาพมากกว่า บางคนก็พบกับสิ่งที่ใช่ บางคนก็ผิดหวัง

สหรัฐอเมริกาคือดินแดนในฝันของคนไทยจำนวนหนึ่ง บ้างก็ฝันถึงความมั่งคั่งร่ำรวย บ้างก็ฝันถึงเสรีภาพความอิสรเสรี ซึ่งบ้างก็ได้สมดั่งฝัน แม้จะลำบากยากเข็ญเป็นอย่างยิ่ง แต่บ้างก็ขมขื่นผิดหวัง กระนั้นทุกคนก็พยายามอยู่ต่อไป เพื่อไม่อยากจะกลับมาเสี่ยงในชีวิตอีกครั้ง แม้แต่ในดินแดนที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน

บรรพตคือคนไทยคนหนึ่งที่ไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุผลที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายอย่าง ซึ่งเขาได้อธิบายกับคนที่สอบถามด้วยคำตอบที่แตกต่างกัน หรือถ้าเป็นคนถามคนเดียวกัน แต่ถ้าต่างเวลาที่ถาม คำตอบก็จะเปลี่ยนไป

ผมกับมันเคยเรียนที่คณะและในมหาวิทยาลัยเดียวกัน มันเป็นคนร่าเริง ชอบทำให้เพื่อน ๆ หัวเราะและสนุกสนาน เพื่อน ๆ เรียกชื่อเล่นมันว่า “ไอ้เต๋า” อันเป็นชื่อที่ไม่ได้มาโดยง่าย แต่ได้มาด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว คือการทอยลูกเต๋า ที่มันใช้ “ทำมาหากิน” ในระหว่างที่มาเรียนในมหาวิทยาลัย รวมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งของใบประกาศที่พามันไปมีชื่อเสียงอยู่ในสหรัฐอเมริกาในระยะเวลาหนึ่ง

ไอ้เต๋าหรือบรรพตเป็นลูกครึ่งจีนไทย สกุลเดิมแซ่แต้ แต่มาเปลี่ยนตอนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย จากแต้เป็นเต็มอะไรสักอย่างที่ยาวยืดกว่า 6-7 พยางค์ ครั้นพอไปอเมริกาและได้เป็นซิติเซ่น หรือเป็นพลเมืองอเมริกัน ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Ben Timmermann โดยอธิบายกับเพื่อนอเมริกันว่า Ben  คือบรรพต ส่วน Timmermann มาจากชื่อแรกของสกุลเดิมคือเต็ม เพียงแต่ต่อเติมให้ดูเป็นเยอรมันนิด ๆ เท่านั้นเอง

ไอ้เต๋าเป็นคนตัวเล็ก สูงแค่ 155 เซนติเมตร หรือเตี้ยกว่าผู้หญิงโดยทั่วไปเสียอีก ยิ่งเป็นคนหน้าตาตี๋ๆ ก็ยิ่งทำให้หลายคนคิดว่ามันไม่ใช่นิสิต แต่เป็นพวกน้องเด็กมัธยมจากโรงเรียนจีนแถว ๆ สี่พระยา ที่มักจะมาเดินเล่นในคณะอยู่บ่อย ๆ แล้วยิ่งตอนที่ไปอยู่อเมริกา ฝรั่งก็ไม่เชื่อว่าอายุกว่า 20 ปีแล้ว ถึงขั้นไม่ยอมขายเหล้าขายบุหรี่ให้ ไอ้เต๋าต้องวานคนอื่นไปซื้อให้ เพราะบัตรไอดีประจำตัวอะไรก็ไม่มี จึงต้องยอมเสียเงินเพิ่มเพื่อที่จะได้เสพสินค้าต้องห้ามสำหรับผู้เยาว์เหล่านั้น

ไอ้เต๋ามีดีหลายเรื่อง(พอ ๆ กับเรื่องร้ายที่ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน) เรื่องหนึ่งคือมันเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารจีน จำพวกนึ่ง ๆ ต้ม ๆ ตุ๋น อย่างปลานึ่ง ไก่ต้ม และหมูตุ๋น ที่ใส่เครื่องเทศแบบจีน แม้จะมีเครื่องปรุงไม่ครบก็สามารถทำออกมาได้น่ากินและอร่อย หรือแม้แต่ของกินเล่นง่าย ๆ พวกมันต้ม ถั่วเขียวต้ม ก็ทำได้มีรสชาติดี อาหารเหล่านี้พวกเราได้เห็นฝีมือมันในหลาย ๆ โอกาส ตั้งแต่ที่ไปรับน้องในต่างจังหวัด และงานสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน ๆ ซึ่งพวกเรา(นิสิตร่วมรุ่นในคณะ)มารู้ภายหลังว่า มันมีญาติทำร้านอาหารอยู่ในตลาดสามย่าน ที่บางวันเราพบว่ามันชอบหายตัวไปในตอนบ่าย ๆ โดดเรียนไปเฉย ๆ แต่ก็มีคนไปพบมันสวมผ้ากันเปื้อนเป็นกุ๊กอยู่หน้าเตา ทำให้พวกเราได้ไปอุดหนุนในเวลาต่อมา แต่ด้วยราคาที่ไม่เป็นมิตรกับนิสิตนักศึกษา พวกเราจึงไปอุดหนุนนาน ๆ ครั้ง

ความดีอีกอย่างหนึ่งของไอ้เต๋าก็คือ เป็นคนไม่เอาเปรียบเพื่อน หรือที่จริงควรจะเรียกว่าลูกค้า ในเวลาที่มีกิจกรรม “เปิดบ่อน” โดยตรงมุมสนามบอลคณะรัฐศาสตร์ที่พวกเราเรียนกันอยู่ ด้านที่ติดกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตรงนั้นเมื่อ พ.ศ. 2519 ยังเป็นบึงผักตบชวา มีพุ่มไม้ล้อมรอบอยู่ 2 ด้าน ตรงนั้นมีศาลาไม้ขนาดสัก 2 คูณ 3 เมตร แนบอยู่ข้างพุ่มไม้ ทำให้เวลาที่มองมาจากตึกเรียนข้ามสนามฟุตบอลมา ก็จะมองไม่เห็นรายละเอียดอะไรชัดเจน ทั้งยังอยู่ในที่ที่ไม่มีผู้คนผ่านไปผ่านมา จึงเป็นที่ซ่องสุมของเหล่านิสิตในการทำกิจกรรมพิเศษบางอย่าง เช่น พี้กัญชา และเล่นการพนัน ฯลฯ โดยพวกเราเรียกชื่อว่า “ศาลาปลายนา”

ช่วงแรก ๆ พวกเรายังเรียกไอ้เต๋าว่า “ตี๋น้อย” บ้าง “ไอ้พต” บ้าง และในความที่เป็นน้องใหม่ พวกเราก็ยังไม่ค่อยกล้าเดินเตร่ไปแถว “ศาลาปลายนา” หลังนั้น เพราะเป็นสถานที่ต้องห้ามดังกล่าว จนวันหนึ่งไอ้เต๋าก็มาแอบกระซิบว่า “เชิญไปรวย ๆ” จึงมีพวกเราบางคนติดตามไป และกลับมาเล่าให้ฟังว่า ไอ้เต๋าเป็นเจ้ามือทอยลูกเต๋า วิธีการคือเอาลูกเต๋า 1 ลูกใส่มือ กำมือไว้หลวม เขย่ามือให้ลูกเต๋าดิ้นขลุก ๆ แล้วตบลงกลางโต๊ะปิดไว้ให้แน่น ตอนนี้คนอยากรวยก็วางเงินลงตามปลายนิ้วทั้ง 5 อัน จากนิ้วโป้งจนถึงนิ้วก้อย ที่หมายถึงเลข 1-5 ตามลำดับ ส่วนเลข 6 ก็ให้วางไว้รอบนอกข้าง ๆ มือไอ้เต๋าตรงไหนก็ได้ อย่างต่ำก็ 1 บาท ไปจนถึง 20 บาทซึ่งเป็นจำนวนอั้น เมื่อวางเงินครบคนแล้ว ไอ้เต๋าก็จะแบมือ เปิดให้เห็นจำนวนจุดของลูกเต๋าด้านที่หงายอยู่ ซึ่งนับจุดได้เท่าไหร่ก็จะจ่ายเงินให้กับคนที่วางเงินตามตัวเลขที่สมมติด้วยปลายนิ้วนั้น โดยถ้าแทง 1 บาท เจ้ามือคือไอ้เต๋านั้นจะจ่ายให้ 3 บาท

ความดีของไอ้เต๋าในการเล่นการพนันนี้ก็คือ ไอ้เต๋าไม่เคยปล่อยให้ใครหมดตัวหรือไม่เหลือเงินกลับบ้าน คนที่เล่นแทงจนหมดเงินจะได้เงินคืนตามสัดส่วนที่แทงไป 1 ใน 10 คือ ถ้าแทงไปทั้งหมด 100 บาท ก็จะได้เงินคืน 1 บาท หรือแม้แต่คนที่แทง 10 บาท ก็จะได้เงินคืน 1 บาทเสมอ เว้นแต่คนที่เล่นแล้วไม่หมดตัวคือพอได้บ้าง ไอ้เต๋าก็จะไม่คืนเงินให้ ด้วยการเล่นแบบที่ได้เงินในทุกครั้งและจ่ายคืนให้คนที่หมดตัว ทำให้เป็นที่ร่ำลือในน้ำใจ “อันงดงาม” นี้ จึงพากันเปลี่ยนฉายาใหม่ให้เป็นเกียรติว่า “คุณเต๋า”  ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเพื่อน แต่ก็เป็นแค่ระยะแรก ๆ เพราะต่อมาก็ทุกคนก็เรียกว่า “ไอ้เต๋า” กันไปทุกคน เว้นแต่รุ่นน้อง ๆ ที่เข้ามาใหม่ในปีต่อมาก็เรียก “พี่เต๋า” ตามระบบอาวุโส

แน่นอนว่า การเล่นการพนันย่อมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และนิสิตที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องรับโทษ อย่างเบา ๆ ก็ภาคทัณฑ์ จนถึงไล่ออกหรือพ้นสภาพนิสิต แต่กับไอ้เต๋าดูเหมือนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากทุก ๆ คน เพราะมีหลายครั้งที่มีคนไปฟ้องอาจารย์ฝ่ายปกครองว่ามีการแอบเล่นการพนัน เมื่ออาจารย์มาดูที่ศาลาก็ไม่พบพิรุธอะไร เพราะอุปกรณ์ในการเล่นไม่มีอะไรนอกจากฝ่ามือและลูกเต๋า ซึ่งลูกเต๋านั้นเพียงแค่โยนทิ้งไปในที่รก ๆ ก็ไม่มีใครหาเจอ เว้นแต่คนโยนเท่านั้นที่จะรู้และหาได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ฝ่ายปกครองท่านนั้นยังเป็นลูกค้าคนสำคัญของไอ้เต๋า เพราะติดใจในรสชาติอาหารจากร้านของป้าของมันในตลาดสามย่าน โดยเฉพาะปลาเก๋านึ่งซีอิ๊วและไก่นึ่งเหล้าจีน ที่เป็นเมนูเลื่องชื่อ ที่ไอ้เต๋าจะคิดเงินในราคาเท่าทุน

อาชีพการพนันและฝีมือการทำอาหารได้เป็นใบเบิกทางให้ไอ้เต๋าได้ไป “เติบโต” และฝังรกรากในสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา โดยในช่วงที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยมันก็ไม่เคยพูดถึงประเทศอันยิ่งใหญ่นี้เลย เพียงแต่เอ่ยกับเพื่อนบางคนว่า “ชอบดูแหม่ม” ถึงขั้นเวลาที่ปิดเทอมมันเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นคนสุราษฎร์ เพื่อให้พามันไปเกาะสมุย ที่เลื่องชื่อว่า มีหาดทรายที่ฝรั่งพากันไปแก้ผ้า แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะผิดหวัง เพราะไม่ได้มีการแก้ผ้ากันประเจิดประเจ้อ คือถ้ามีเขาก็ทำกันในที่ลับเฉพาะหรือในกลุ่มที่ปิดลับเท่านั้น

ภายหลังจึงรู้ว่าที่มันมาสหรัฐอเมริกาในครั้งแรก ก็เพื่อมา “ดูแหม่ม” อีกนั่นแหละ แต่เมื่อได้มาจริง ๆ ก็เปลี่ยนความตั้งใจ ด้วยมีบางสิ่งบางอย่างมา “จุดระเบิด” ความฝันขึ้นมาอย่างที่มันไม่เคยคิดมาก่อน