"ชัยวุฒิ" แจ้ง google ให้ปิดกั้นแอป Digital Wallet รับเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เตือนเป็นแอปโจรหลอกให้เงินดิจิทัล อาจดูดเงินหมดบัญชี
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.66 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพได้มีการโฆษณาชวนเชื่อและหลอกลวงให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Digital wallet เพื่อรับเงินดิจิทัล จำนวน 10,000 บาท
ทั้งนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ทำการตรวจสอบแอปพลิเคชันดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นแอปพลิเคชันปลอมที่มิจฉาชีพหลอกให้ประชาชนเข้าไปโหลดแอปพลิเคชัน จากนั้นจะใช้แอปพลิเคชันที่สามารถเข้าถึงมือถือจากภายนอกเข้ามาขโมยถอนเงินจากบัญชีของท่าน
"ขณะนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้แจ้ง google ให้ปิดกั้นแอปดังกล่าว โดยจะติดตามตรวจสอบต่อไป และขอให้ทุกท่านงดเว้นดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Digital wallet ทุกกรณี หากมีข้อมูลที่ต้องการสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับพฤติกรรมที่น่าสงสัย หรือได้รับการแจ้งข้อมูลที่ผิดปกติ ผ่านเอสเอ็มเอส หรือทางโทรศัพท์ สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และโทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ตลอด 24 ชั่วโมง" นายชัยวุฒิ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า ตรวจสอบพบผู้เสียหายหลายได้รับข้อความสั้น (SMS) จากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาแจ้งว่า " คุณได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ " พร้อมกับแนบลิงก์ให้เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ ใช้ชื่อบัญชีไลน์ว่า Thaid online ซึ่งเป็นชื่อระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของกรมการปกครอง โดยได้มีการแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์แล้วเมื่อ 23 ก.ค.66 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อผู้เสียหายติดต่อไปยังไลน์ดังกล่าว มิจฉาชีพจะหลอกลวงสอบถามข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินดิจิทัลหรือไม่ จากนั้นจะให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน " ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 " ผ่าน Play Store เมื่อทำการติดตั้งเสร็จสิ้น จะหลอกลวงให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนต่างๆ เริ่มจากการให้ลงทะเบียนกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน อาชีพ และรายได้ เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ ต่อมาจะให้ทำการตั้งค่าให้สิทธิการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือ หรือการให้สิทธิควบคุมโทรศัพท์มือถือที่ผู้เสียหายใช้งานอยู่ หลอกลวงให้กรอกรหัส PIN 6 หลัก ที่ผู้เสียหายใช้งานอยู่เป็นประจำ รวมไปถึงหลอกลวงให้ทำการสแกนใบหน้า หรือหลอกลวงให้โอนเงินค่าธรรมเนียมในจำนวนเล็กน้อยเพื่อนำรหัสการทำธุรกรรมธนาคารของผู้เสียหายไปใช้แล้วเข้าควบคุมโทรศัพท์ของผู้เสียหายเพื่อโอนเงินออกจากบัญชี
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65-19 ส.ค.66 การหลอกลวงติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบฯ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 9 มีจำนวนกว่า 9,460 เรื่อง หรือคิดเป็น 2.38 % ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 820 ล้านบาท