เศรษฐาบุกทำเนียบฯ หารือบิ๊กตู่สานต่องานในฐานะนายกฯคนที่30 บิ๊กตู่มอบดอกไม้ยินดี พร้อมพาชมตึกไทยคู่ฟ้าบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น "บิ๊กเล็ก" ปัดข่าวถูกทาบนั่งรมว.กลาโหม "สมศักดิ์" เผยโควตารมต.เก้าอี้ใหญ่นิ่งแล้ว คาดต้นสัปดาห์หน้าจัดโผครม.เสร็จ ด้าน 20 ส.ส.ปชป.เลือดใหม่ ลั่นไม่เล่นกีฬาสี ไม่รับมรดกความแค้นเก่าในอดีต ลั่นโหวตหนุน"เศรษฐา" แต่พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่ชวนกรีดกลุ่ม 16 ส.ส. ดิ้นรนอยากเป็น รัฐมนตรี-ร่วมรัฐบาล
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 ส.ค.66 เวลา 10.56 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ดสีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าพบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ห้องโดมทอง บนตึกไทยคู่ฟ้า โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบแจกันดอกไม้ให้กับนายเศรษฐาเพื่อแสดงความยินดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ปักหลักรอติดตามทำข่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาลเดินตรวจดูความเรียบร้อย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนถึงเวลา 11.00 น.ด้วย
ภายหลังนายเศรษฐาเข้าพบหารือกับพล.อ.ประยุทธ์นานประมาณ 1 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ได้พานายเศรษฐา เยี่ยมชมห้องต่างๆ ภายในตึกไทยคู่ฟ้า และห้องทำงานนายกฯ รวมถึงชมภาพทำเนียบอดีตนายกฯ ของไทย และพาไปเยี่ยมชมตึกภักดีบดินทร์ โดยระหว่างพาเดินเยี่ยมชม พล.อ.ประยุทธ์ยังได้แนะนำอาคารต่างๆ ภายในทำเนียบฯ กับนายเศรษฐาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินมาส่งนายเศรษฐาขึ้นรถที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายเศรษฐาได้ยกมือไหว้ลาพล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์รับไหว้ พร้อมกันนี้นายเศรษฐาได้ยกมือทักทายสื่อมวลชน ระหว่างเดินทางออกจากทำเนียบฯ
ด้าน นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านรายการ มุมการเมือง ทางไทยพีบีเอส ถึงการโหวตนายกฯ ซึ่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 16 คน โหวตสวนมติพรรคที่ให้งดออกเสียง ด้วยการเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ โดยยืนยันว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา กลุ่ม 16 เป็นผู้ประกาศว่าผู้ใดฝืนมติพรรคจะให้ลาออกจากพรรค ซึ่งเชื่อว่ามีเจตนามุ่งมาที่ตน เพราะไม่เห็นด้วยที่จะให้ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ต่างกับจุดยืนของกลุ่ม 16 ที่ต้องการร่วมรัฐบาล และในการประชุมพรรคก่อนการโหวตนายกฯ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา 1 ใน กลุ่ม 16 เป็นผู้แจ้งต่อที่ประชุมเองว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ก่อนจะมีมติพรรคให้งดออกเสียง แต่เมื่อถึงวันโหวตกลับมีส.ส.ประชาธิปัตย์ที่โหวตให้นายเศรษฐา ซึ่งนายชวน ยอมรับว่า ไม่รู้ว่ามีการเจรจากันอย่างไร เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิ์โหวตภายหลัง
นายชวน กล่าวว่า การดิ้นรนอยากเป็นรัฐบาล ต้องผ่านพรรค เป็นมติพรรค ไม่ได้เป็นปัญหา อยากร่วมรัฐบาลก็ทำได้ ไม่ใช่แอบไปเจรจาแล้วเขาไม่รับ ไปเจรจากับ นายทักษิณ ชินวัตร ด้วยตัวเอง ซึ่งความดิ้นรนนี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของพรรคเสียหาย ได้สอบถามจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ซึ่งนายจุรินทร์ยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงเชื่อว่ามีการเจรจาโดยแกนนำกลุ่มไม่กี่คน ซึ่งมีความดิ้นรนอยากเป็นรัฐมนตรี และอยากเข้าร่วมรัฐบาล
ที่รัฐสภา กลุ่ม 20 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ และนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีโหวตเห็นชอบให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ซึ่งขัดกับมติพรรคที่ให้งดออกเสียง โดย เดชอิศม์ กล่าวว่า การลงมติที่ดูเหมือนไม่เป็นเอกภาพในครั้งนี้ ความจริงพรรคประชาธิปัตย์เริ่มไม่มีเอกภาพตั้งแต่การประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้งสองรอบ และมีเจตนาที่จะทำให้องค์ประชุมล่มทั้งสองครั้ง ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคและต่อพี่น้อง องค์ประชุมที่มาทั้งประเทศ และเสียหายต่อค่าใช้จ่ายของพรรคที่ต้องใช้ครั้งละ 3-4 ล้านบาท
ต่อมาวันที่21 ส.ค.ได้ประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เพื่อพิจารณาว่าจะโหวตนายกฯ ในวันที่22 ส.ค.อย่างไร ซึ่งในที่ประชุมมีความเห็นแบ่งออกเป็น 3 เรื่องคือ 1. มีความเห็นว่าไม่เห็นชอบ ซึ่งพวกเราซักถามว่าสาเหตุคืออะไร ส่วนใหญ่คนที่ไม่เห็นชอบจะบอกว่าเนื่องจากความขัดแย้งในอดีต ความโกรธในอดีต จึงมีส.ส.ใหม่โต้แย้งว่าอยากให้แยกหน้าที่ส.ส.ปัจจุบันกับความแค้นความโกรธออกจากกัน หากเราแยกออกจากกันไม่ได้ก็จะเกิดอคติตลอดไป และมีผู้ใหญ่บางคนได้วอล์คเอ้าท์เดินออกจากองค์ประชุม
2.มีความเห็นว่าเห็นชอบ เนื่องจากประเทศมาถึงทางตัน ความเดือดร้อนของประชาชนมีทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ปัญหายาเสพติดที่ขยายวงกว้าง และเราเกิดสุญญากาศทางการเมืองไม่ได้ ความเสียหายก็จะเกิดกับประชาชนอย่างแน่นอน และ 3.ในที่ประชุมส่วนมากบอกว่าควรงอดออกเสียงเพราะสมัยโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ก็งดออกเสียง เนื่องจากเรากังวลเรื่องการแก้ไขเรื่องม.112 หลังจากนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ได้ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมว่าอย่าโหวตกันเลย เพราะจริงๆแล้วเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. นั่นคือคำพูดของท่าน และในการประชุมวันนั้นไม่มีการโหวต พวกเราจึงไม่รู้ว่าจะเป็นมติหรือไม่เป็นมติกันแน่ แล้วปิดประชุมไป
พอมาวันที่ 22 ส.ค. วันเลือกนายกฯ พวกเรามานั่งฟังการอภิปรายอยู่อีกห้องหนึ่ง ฟังเรื่องความเหมาะสมไม่เหมาะสมของนายเศรษฐา ซึ่งฟังในภาพรวมแล้วเกือบ100 เปอร์เซ็นต์รับได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องส่วนตัวของนายเศรษฐา ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเป็นนายกฯ ซึ่งเรานั่งคุยกันกับส.ส.ประชาธิปัตย์ ประมาณ 20 คน พอมีการโหวตเรานั่งดู 3 คนแรกที่โหวตคือนายจุรินทร์งดออกเสียง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน โหวตไม่เห็นชอบ นายชวน หลีกภัย ก็โหวตไม่เห็นชอบ
"นี่คือสามเสาหลักของประชาธิปัตย์ในเวลานี้ ลงคะแนนก็ไม่เหมือนกันแล้ว พวกเราจึงนั่งคุยกันว่านี่เป็นมติของพรรคหรือไม่ เพราะคำว่ามติพรรคจะขอยกเว้นไม่ได้ มติไปทางใดต้องไปทางนั้น พวกเราจึงมีความเห็นว่าอย่างนี้ก็ไม่ใช่มติพรรค เราจึงมาแยกพิจารณาว่า หนึ่งพรรค สองประเทศชาติ และประชาชนเราควรจะเลือกข้างไหน จริงๆเราเอาทั้งสองข้างแต่ถ้าจำเป็นต้องเลือก เราเห็นตรงกันว่าเอาชาติ และประชาชนไว้ก่อน และเห็นว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยเขารวบรวมเสียงได้เกิน 250 เสียง และเป็นรัฐบาลที่เรามองแล้วว่าเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ กปปส. เคยขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือกลุ่มเพื่อนนายเนวิน ชิดชอบ เคยเป็นงูเห่าออกจากพรรคภูมิใจไทยมาโหวตให้ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เขายังมาสมานฉันท์กันได้เลย
เราเป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่ทั้งหมด ไม่เคยใส่เสื้อเหลือง ไม่เคยใส่เสื้อแดง ไม่เคยมีความขัดแย้ง เราไม่ควรจะมารับมรดกความขัดแย้งต่อจากรุ่นเก่าๆ เราถามกันทุกคน ซึ่งทุกคนมีความเห็นว่าขอให้ชาติเดินไปข้างหน้าได้ เราควรสนับสนุนให้เขาเป็นนายกฯ แต่ตัวพวกเรายังเป็นฝ่ายค้าน แต่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำหน้าที่ นั่นคือเหตุผลที่เราโหวตให้นายเศรษฐา" นายเดชอิศม์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าวันนี้ชัดเจนแล้วหรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ณ วันนี้เราเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ทั้งตัวส.ส. และศักดิ์ศรีความเป็นประชาธิปัตย์ เราไม่กระเสือกกระสน กระเหี้ยนกระหือรือ อยากไปเป็นรัฐบาล เพราะหลักการร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ยังเหมือนเดิม คือ 1 .เขาต้องเทียบเชิญเรามาก่อน 2. ต้องประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการกับส.ส. และลงมติ มติว่าอย่างไรทุกคนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า การที่ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นการสร้างความเสียหายให้กับพรรค และยังมีเรื่องการไปพบกับพรรคการเมืองอื่นด้วย ซึ่งพรรคอาจจะมีการตั้งกรรมการสอบ ถึงขั้นขับออกจากพรรค นายเดชอิศม์ กล่าวว่า โทษในการไปพบกับใครพวกตนเป็นส.ส.รุ่นใหม่ เราพบทุกพรรค เรามีเพื่อนทุกพรรคเพราะเราแยกระหว่างหน้าที่กับความรักความผูกพัน หน้าที่กับความโกรธแค้นชิงชังในอดีต เราแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด เพราะหากเราเอาหน้าที่ของส.ส.ไปผูกพันกับความรักเราก็ลำเอียง หากเอาหน้าที่ของสส.ไปยึดโยงกับความเคียดแค้นเกลียดชังเราก็เกิดอคติ ฉะนั้นพวกเราสนิทกับทุกพรรค ถ้าการไปพบทุกพรรคมีความผิด ตนก็น่าจะโดนประหารชีวิตไปตั้งนานแล้ว เพราะเป็นความผิดมาก เนื่องจากตนมีความสนิทกับหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค แต่พอเข้าในสภาก็อีกหน้าที่หนึ่ง ส่วนตัวก็อีกหน้าที่หนึ่ง ความเป็นคนไทยและเป็นส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่ง
เมื่อถามว่า จะมีการพบปะพูดคุยเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพภายในพรรคหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคเริ่มไม่มีเอกภาพตั้งแต่องค์ประชุมวิสามัญพรรคล่ม จนถึงวันนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้เมื่อไหร่ ต้องไปถามกลุ่มคนบางกลุ่มที่ทำให้องค์ประชุมล่มว่าเขาต้องการอะไร เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ขับออกเพื่อไปอยู่พรรคการเมืองใหม่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ความจริงแล้วการขับออกจากพรรคต้องมีส.ส.ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค และเป็นมติ 3 ใน 4 แต่ดูไปดูมาส.ส.และกรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่อยู่ตรงนี้หมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะขับใครกันแน่ ไม่ทราบเหมือนกันเพราะเสียงส่วนใหญ่อยู่นี่เกือบทั้งหมด ดังนั้นจะขับกันอย่างไร
เมื่อถามอีกว่า เสียงส่วนใหญ่จะขับเสียงส่วนน้อยออกหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่มี เราไม่คิดจะขับใครออกจากพรรค เราพร้อมจะพูดคุยและเจรจา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาเจรจากับเราเลย ไม่ว่าจะเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หรือทิศทางใดๆ เมื่อถามว่า หากเป็นเช่นนี้แล้วจะร่วมงานกันอย่างไร นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เรายินดีพูดคุยอยู่บนเหตุและผล และความเป็นไปได้ อย่างที่ตนยืนยันว่าพวกเราไม่อยากพกมรดกความแค้นในอดีตแล้วมาให้เรารับต่อหากนโยบายใหม่ที่ดีๆแล้วให้พวกเรารับต่อ เรายินดี และความจริงแล้วเราก็พบปะกันตลอดแต่เขาไม่พูดคุยกับเรา
"เราพร้อมที่จะออกจากความเป็นส.ส.ของพรรค พรุ่งนี้ มะรืนนี้ยังได้เลย หากเรามีความรู้สึกว่าเราทรยศประชาชน ฉะนั้นไม่ว่าคนใต้หรือคนทั้งประเทศ เราไม่เคยคิดทรยศ เราซื่อสัตย์ ทำงานให้กับประชาชน เรามาจากการเลือกตั้ง สิ่งที่เราแคร์ที่สุดคือชาติ ประชาชน "
นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคต้องเริ่มต้นจากการประชุมวิสามัยเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ได้ จึงอยากฝากไปถึงฝ่ายที่ทำให้องค์ประชุมล่มว่าจะทำอย่างไรให้องค์ประชุมครบ ส่วนจะแข่งขันก็เป็นปกติของพรรคประชาธิปัตย์ พวกเรายินดีที่จะร่วมด้วย ถึงแม้พวกตนแพ้ ไม่ได้เป็นกรรมการบริพรรคเราก็ยินดีให้ความร่วมมือ สมัยที่แล้วปี 62 ตนไม่ได้เลือกนายจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรค แต่เมื่อมติที่ประชุมใหญ่เลือกนายจุรินทร์และคณะมาเป็นกรรมการบริหารพรรค พวกตนก็ทำหน้าที่ลูกพรรคที่ดี หลายครั้งที่มีขบวนการจะล้มนายจุรินทร์ แต่พวกตนไม่ยอม ปกป้องมาตลอด แสดงให้เห็นว่าพวกตนยินดีให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์แตกแล้ว นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงกับแตกหัก อาจจะมีความเห็นยังไม่ตรงกัน ยังมีเวลาและคิดว่าต้องลดทิฐิต้องมารับฟังกัน เพราะทุกคนมาจากประชาชน กว่าจะฝ่าฟันมาได้เป็นเรื่องยากมาก
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ คนที่ 30 ว่า เท่าที่ได้ฟังจากนายเศรษฐา ทราบว่าการจัดตั้งครม.จะเสร็จสิ้นในต้นสัปดาห์หน้า เพราะขณะนี้แต่ละพรรคการเมืองยังไม่นิ่ง ยังไม่จบ 100 เปอร์เซนต์ นายกฯจะต้องพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมจะ