วันที่ 24 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ ว่า ตนคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านนิติบัญญัติ เพราะว่าเราเป็นเอกเทศต่อกันไม่ได้อยู่ใต้อาณัติ  ซึ่งตำแหน่งประธานสภา และรองประธานสภา มาจากการเลือกตั้งเป็นการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร และโปรดเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว จึงคิดว่าไม่ได้เป็นความเกี่ยวข้องกันกับในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปโดยไม่ลาออกใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า "ก็ไม่ได้มี รัฐธรรมนูญ หรือข้อบังคับสภาบอกไว้ว่าต้องย้ายหรือต้องเปลี่ยน"

เมื่อถามว่าการที่พรรคก้าวไกลต้องเป็นฝ่ายค้านจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า คิดว่าประธานสภา และรองประสภา ทั้ง 3 คนต้องวางตัวเป็นกลางอยู่แล้ว การเป็นกลางของเราก็คืออำนวยความสะดวก อำนวยการประชุมให้กับสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เพราะฉะนั้นเราทำหน้าที่ได้ไม่ว่าเราจะสังกัดพรรคไหนก็ตาม

เมื่อถามถึงกระแสข่าวระบุว่าจะยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านให้กับพรรคประชาธิปัตย์ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ทางพรรคเขาหารือกันเอง เพราะว่าตนไม่ได้อยู่ในวงเจรจา และไม่ได้อยู่ในวงคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกล ดังนั้นการตัดสินใจทั้งหมด ถ้าฝ่ายรัฐบาลชัดเจนแล้วคิดว่าฝ่ายค้านก็ต้องมีความชัดเจนว่าจะดำเนินพันธกิจของฝ่ายค้านอย่างไร และตนก็รอการตัดสินใจของทางฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกันในพรรคหรือไม่ว่าตำแหน่งรองประธานสภามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนกฎหมายอย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การที่เราแถลงเรื่องวิสัยทัศน์ของรองประธานสภา ตนไม่ได้บอกว่าจะมาทำหน้าที่ให้พรรคใดพรรคหนึ่ง ตนทำหน้าที่ให้สภาสมาร์ทและโอเพ่น โปร่งใส สมรรถนะสูง

"ผมอยู่ในตำแหน่งนี้มีประโยชน์ต่อประเทศแน่ๆ มีประโยชน์ต่อสภา แน่ๆ แต่ถ้ามันจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรอย่างไร ผมว่าก็ไม่ได้เป็นสาระสำคัญที่เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้ตำแหน่งนั้น เพราะว่าทุกตำแหน่งก็มีความสำคัญ ผู้นำฝ่ายค้านเองก็มีความสำคัญมาก รองประธานสภา ก็มีความสำคัญมาก ดังนั้นผมคิดว่าเราทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน แล้วก็รอมติของทางฝ่ายค้าน" นายปดิพัท กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลต้องชั่งน้ำหนักระหว่างตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านกับรองประธานสภาหรือไม่และอะไรจะเป็นตัวตัดสินเรื่องนี้ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า คิดว่าทุกฝ่ายก็ต้องชั่งน้ำหนักหมด เพราะไม่ว่าจะเลือกอย่างไรมันก็คงจะมีผลลัพธ์ และความรับผิดชอบที่ต่างกัน แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่พรรคเขาจะคุยกัน

เมื่อถามว่าวันนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้ จะรอความชัดเจนในเรื่องของนายพิธา ก่อนตัดสินใจหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ตนไม่ทราบ ต้องให้ทางพรรคเขาคุยกัน ซึ่งหากพรรคมีมติอย่างไรก็พร้อมทำตาม

เมื่อถามว่ากังวลในเรื่องที่ถูกโจมตีตลอดเวลาหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล คิดว่าการเมืองในสภาก็คงเป็นไปไม่ได้ ที่เมื่อมีฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลแล้วจะไม่มีการโต้หรือถกเถียงกันในเรื่องต่างๆ ดังนั้นตนคิดว่าตราบใดที่ตนยังยึดข้อบังคับอยู่ แล้วก็ดำเนินการไปตามระเบียบของสภา จึงไมได้กังวลอะไร

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ถูกท้วงติงเรื่องการจัดเลี้ยงหมูกระทะและวันนี้ถูกท้วงติงเรื่องการแต่งกาย รู้สึกอย่างไรบ้าง นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า แต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่ตนคิดว่าไม่มีประเด็นอะไร เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนั้น

ส่วนมองว่าเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ที่ถูกโจมตีในเรื่องเหล่านี้ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า "ก็ไม่หรอกครับ ทุกท่านก็มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์เสนอได้ แล้วเขาก็ประท้วงตามข้อบังคับ แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ทั้งในเชิงระเบียบเองและในเชิงสาธารณะผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เล็กมาก โอเคนะ ยังอยู่นะ" นายปดิพัทธ์  กล่าว