ราชทัณฑ์ แถลงทักษิณมีอาการแน่นหน้าอก ต้องส่งตัวรักษาต่อที่รพ.ตำรวจเร่งด่วน อ้างแพทย์ราชทัณฑ์ขาดผู้เชี่ยวชายเฉพาะด้าน ขณะที่หมอรพ.ตำรวจให้ยาแก้เครียด-ละลายลิ่มเลือดบรรเทา นพ.ตุลย์" จี้ราชทัณฑ์เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง ป้องกันข้อครหา
เมื่อวันที่ 23 ส.ค.66 นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า เมื่อเวลา 23.59 น. ของวันที่ 22 ส.ค. พัศดีเวรได้รายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แดน 7 อยู่ระหว่างการกักโรค มีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก วัดความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ พยาบาลเวรเรือนจำได้ติดต่อขอคำแนะนำกับแพทย์ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์ได้สอบถามอาการโดยละเอียดแล้ว ตลอดจนพิจารณาจากรายงานประวัติการรักษาของผู้ป่วยโดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่างประเทศ (สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) พบมีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษาติดตามอาการเช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง พังผืดในปอด กระดูกสันหลังเสื่อม โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือโรคหัวใจ เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ แพทย์จึงมีความเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต เห็นควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจที่มีความพร้อม มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงกว่า โดยแนวปฏิบัติกรณีมีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อชีวิตจะมีการส่งตัวรักษาให้ทันท่วงที
นายสิทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้น เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้รับตัวไว้เพื่อทำการบำบัดรักษาเมื่อเวลา 00.20 น. ของวันที่ 23 ส.ค. โดยเรือนจำได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุม ตามระเบียบขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังรพ.ตำรวจเพื่อติดตามอาการป่วยของนายทักษิณที่ชั้น 14 เป็นหอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง เมื่อขึ้นไปบนชั้นดังกล่าวพบว่ามีเจ้าหน้าที่พยาบาลปฏิบัติหน้าที่อยู่ 3 คน เมื่อสอบถามถึงการเข้ารักษาตัวของนายทักษิณ ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลปฏิเสธจะให้ความเห็น โดยบอกว่าไม่ทราบ รวมถึงการแถลงอาการที่เข้ารับการรักษาของนายทักษิณ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ายังไม่ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่ แต่ให้รายละเอียดว่าถ้ามีผู้ป่วยจากเรือนจำมาทำการรักษาตัวจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาคอยกำกับดูแล ซึ่งอาการป่วยของนายทักษิณ เวลา 00.30 น.เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวมาถึง รพ.ตำรวจ จากนั้นทางแพทย์ได้ทำการรับตัวและนำตัวมาที่ชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง ชั้นดังกล่าวมีอยู่แค่ 2 ปีก ปีกละ 1 ห้อง สำหรับนายทักษิณอยู่ที่ห้องรอยัล สูท ห้อง 1401 เบื้องต้นทราบว่าทางแพทย์ศัลยกรรมระบบปราสาท ได้ให้ยาละลายลิ่มเลือด ยาความดัน ยาคลายเครียด โดยขณะนี้นายทักษิณอยู่ระหว่างการพักผ่อน โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
มีรายงานว่า ในเวลา 11.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะเดินทางมาร่วมประชุมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อวางมาตรดูแลความปลอดภัยของนายทักษิณ ส่วนรายละเอียดทางโรงพยาบาลตำรวจจะทำเอกสารข่าว(press)แจกให้กับสื่อมวลชนเพื่อให้การนำเสนอเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า เมือคืนได้รับรายงานจากเรือนจำผ่านไลน์เมื่อเวลาตี 1 ว่า นายทักษิณมีอาการแน่นหน้าอก จึงทำการปรึกษาแพทย์ให้ความเห็น ทางเรือนจำจึงตัดสินใจย้ายไปยังรพ.ตำรวจ
ส่วนกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยาได้เตรียมจะยื่นร้องเรียนกรณีกรมราชทัณฑ์ โดยบอกทางกรมราชทัณฑ์ลักลั่นหรือเลือกปฏิบัติต่อกรณีนช.ทักษิณนั้น เป็นเรื่องของนายศรีสุวรรณสามารถยื่นให้ตรวจสอบได้ แต่ขอยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ได้ยึดถือปฏิบัติตามกฎระเบียบของราชทัณฑ์ สำหรับกรณีการเจ็บป่วยผู้ต้องขัง เช่นเดียวกับกรณีการส่งตัวแบมและตะวันไปรักษารพ.ธรรมศาสตร์รังสิต ดังนั้นขอยืนยันว่ากรณีของนช.ทักษิณสามารถกระทำได้เช่นกัน
วันเดียวกัน โลกออนไลน์ แชร์หนังสือที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เขียนถึง ผอ.รพ.กรมราชทัณฑ์ เรื่อง ขอให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจอาการนช.ทักษิณ ชินวัตร โดยหนังสือนำเรียนผู้อำนวยการโรงพยาบาล กรมราชทัณฑ์ ข้อความว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ากรมราชทัณฑ์แถลงข่าวว่านช.ทักษิณ ที่ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 10 ปี มีโรคต่างๆรุมเร้า เช่น โรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น ต้องรับการรักษาที่ รพ.ภายนอก เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานและจริยธรรมทางการแพทย์ ผมขอเสนอให้ทางกรมราชทัณฑ์เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยอายุรแพทย์มาตรวจร่างกายนช.ทักษิณโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่ามีความจำเป็นต้องรับการรักษาโดยโรงพยาบาลภายนอกหรือไม่ และจำเป็นต้อง Admit หรือไม่ เพราะจากที่ปรากฏทางสื่อโซเชียลของตัวนักโทษเอง พบว่าสุขภาพอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะมีหลายโรคก็ตาม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาโดยสังคมทั่วไป และป้องกันมิให้มีการฟ้องร้องแพทย์กรมราชทัณฑ์ในข้อหาช่วยผู้ต้องหาให้ได้รับความสะดวกสบายผิดจากข้อเท็จจริงทางการแพทย์