เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม บรรยากาศในตัวเมืองนครราชสีมา หลังทราบผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน สร้างความคึกคักและยินดีปรีดาให้กับบรรดากองเชียร์และครอบครัวเพื่อไทย (พท.) เนื่องจาก ส.ส 16 เขต จ.นครราชสีมา เป็น ส.ส เขต 12 คน และบัญชีรายชื่อ 2 คน
นายสมโภชน์ ประสาทไทย ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช เปิดเผยว่า นโยบายหาเสียงได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาปากท้อง เป็นเวลาร่วม 9 ปี ประชาชนคนรากหญ้าต้องแบกรับชะตากรรมจากการยึดอำนาจ ทุกคนจึงหวังลืมตาอ้าปากมุ่งหวังให้พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อระดมทรัพยากรและบุคลากรเชี่ยวชาญช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจนำไปสู่ความเข้มแข็งโดยเร็ว ทุกคนรอเงินดิจิตอล 10,000 บาท จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคัก วุฒิปริญญาตรีเงินเดือนขั้นต่ำ 25,000 บาท รวมถึงการแก้ไขปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชาวโคราชเชื่อมั่นรัฐบาลชุดนี้ จะสามารถทำตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน ดูได้จากผลงานที่ผ่านมาในอดีต มีอยู่มีกินก่อนปฏิวัติ รัฐประหารเกิดขึ้น เมื่อ พท.ไม่ได้สานต่อนโยบาย ประชาชนอยู่ในสภาวะลำบากเดือดร้อนต้องการเห็นประเทศมีความพัฒนารุ่งเรืองเหมือนในยุค ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กรณีหากนายเศรษฐา ไม่ได้ถูกโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นทางการเมืองจะเพิ่มมากมาย โดยเฉพาะการแย่งชิงตำแหน่งจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ลุกลามถึงการต่อสู้ในภาคประชาชนที่ไม่พอใจในกฎ กติกา ส.ว. ลากตั้ง ไม่โหวตให้ อาจมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ์ทางการเมือง
ด้านนายนิพนธ์ ทองชั้น ผู้บริหารสถานีบริการเชื้อเพลิงทั้งแก็สและน้ำมัน “เรือจ้าง” ผู้ประกอบการแบรนด์ท้องถิ่นชื่อดังโคราช เจ้าของไอเดียและลงทุนติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ “พลังงานไทยต้องเป็นของคนไทย ถ้าพวกมึงไม่โกงถนนจะทำด้วยทองให้ดู เรือจ้าง น้ำมันพระเจ้า ขอสนับสนุนคนที่ต่อสู้เรื่องนี้ด้วยความจริงใจ” บริเวณริม ถ.มิตรภาพ ช่วงขาขึ้นผ่านประตูหน้าด่าน 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า สาเหตุสำคัญของปัญหาความเดือดร้อนส่งผลกระทบให้รายรับลด รายจ่ายเพิ่มสูง หนี้สินครัวเรือนพอกพูนคือภาวะค่าครองชีพคนไทยต้องซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงแพง รัฐบาลเศรษฐา ต้องนำพลังงานกลับมาเป็นของคนไทยโดยเร็ว นำออกจากตลาดหลักทรัพย์กำหนดราคาโดยคนไทย ไม่ใช่ให้นายทุนเป็นผู้กำหนดราคา หากยังดันทุรังปล่อยให้ปัญหานี้ลอยตัว ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเสมือนปล้นเงินไปจากกระเป๋าเงินคนไทยหากดำเนินการเป็นรูปธรรม ค่าครองชีพก็ลดลง จะตอบโจทย์ได้ชัดเจนดีกว่านโยบายแจกเงิน
ในอดีต ปตท.อยู่ในฐานะรัฐวิสาหกิจมีกำไรกว่าพันล้านต่อปี เมื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์มีกำไรปีละแสนล้านบาทพร้อมโบนัสพนักงาน 12 เดือน บ่งบอกคนไทยถูกนายทุนเอารัดเอาเปรียบในภาวะจำยอม จึงเป็นคำถามให้กับรัฐบาลชุดใหม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ ฝากให้รัฐบาลใหม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่บิดเบี้ยว ให้ทุนต่างชาติสัมปทานบ่อน้ำมันในประเทศไทยและอ้างอิงราคาน้ำมันประเทศสิงค์โปร์ ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นทุกขั้นตอนแต่กำไรมหาศาลอยู่กับนายทุน พอเถอะกับการกอบโกยผลประโยชน์ ประเทศไทยบอบช้ำมาเยอะแล้ว