หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2566 ของถูกไม่มีดี ของฟรีไม่มีในโลก ...*...
ห่างบ้าน ต่างเมืองไปนานกว่า 15 ปี คืออดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ที่ พลัดพรากจากประเทศไทย ด้วยวีซ่าออกนอกประเทศ ไปดูกีฬาโอลิมปิก ที่ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเจ้าภาพใหญ่จัดงาน ในปี พ.ศ. 2551 ในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก่อนจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พรรคเพื่อไทย ในปัจจุบัน เป็นนายกรัฐมนตรี กลับคืนสู่ปฐพีมาตุภูมิ ด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว จากสิงคโปร์ ล้อแตะพื้นสนามบินดอนเมือง ก่อนเก้าโมงเช้าสองนาที เมื่อวันวาน วันอังคารที่ผ่านมา ...*...
เวลา 09.25 น. นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมลูกทั้ง 3 คน โอ๊ค เอม อิ้งค์ ก้าวลงจากเครื่องบิน เข้าสู่อาคารสนามบิน นายทักษิณ ชินวัตร ปฏิบัติภารกิจแรกทันที คุกเข่าก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ก่อนที่จะส่งยิ้มทักทายประชาชนคนเสื้อแดง ที่มาตั้งแถวรอรับ เสร็จแล้วถูกตำรวจควบคุมตัว นำส่งศาลฎีกาฯ ในเวลา 10.20 น. เพื่อออกหมายขัง แล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ นำตัวส่ง เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 11.25 น. เป็นการเริ่มต้นของการเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ...*...
หมดเวลาสวมใส่สูท เปลี่ยนมาเป็น ชุดนักโทษชายแทน เดินเข้าสู่แดนแรกรับ คัดกรองตามระเบียบ 10 วันแรก จะถูกแยกตัว ไปกักกันเพื่อตรวจหาโควิด-19 หลังจากนั้น จะถูกแยกชั้น เพื่อ ไปอยู่แดนคุมขัง ตามขั้นความผิดของโทษ แต่ถ้า ทักษิณ ชินวัตร ป่วยไข้ไม่สบาย จะถูกส่งไปรักษา ที่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หาก ป่วยด้วยโรคเฉพาะทาง ที่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ขาดแพทย์เฉพาะทาง มีระเบียบวางไว้ให้ ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือแม้แต่ ไปรักษาได้ที่โรงพยาบาลเอกชน หาก เกินขีดความสามารถของแพทย์โรงพยาบาลรัฐ ...*...
ที่ยังเป็นปัญหาในข้อระเบียบและกฎหมาย คือ การทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ตั้งแต่วันแรก ในฐานะเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ แต่ ทักษิณ ชินวัตร นอกจาก ต้องโทษจำคุก 3 คดี รวม 10 ปี แต่ ยังเหลือค้างคดีคาศาล 2 คดี ที่มีระเบียบไว้ว่า ในระหว่างสืบคดีที่ยังไม่สิ้นสุด นอกจาก หลุดสิทธิ พ.ร.บ.ลดโทษ แล้ว ยังขอพระราชทานอภัยโทษไม่ได้ ประสา บารอน ก็คนสูงวัย ร่วมสมัยอายุขัยไล่ๆกับ ทักษิณ ชินวัตร ขอนำเสนอ สิ่งแรกที่ควรทำ เร่งสะสางคดีความที่เหลือ 2 คดีให้แล้วเสร็จโดยไว ดูไปแล้ว ไม่น่าจะยากอะไรนักหนา ผ่านด่านนี้ไปได้ อะไรๆมันก็จะง๊ายง่ายไปหมด ...*...
สำหรับ 3 คดี ที่ มีโทษจำคุกรวม 10 ปี ได้แก่ คดีหวยบนดิน จำคุก 2 ปี คดีเอ็กซ์ซิมแบงก์ 3 ปี และ คดีหุ้นชินคอร์ป จำคุก 5 ปี โชคดียังเข้าข้าง ทักษิณ ชินวัตร เพราะ คำขอท้ายฟ้อง ของ อัยการ ไม่ได้มีการระบุว่า ขอให้มีการนับโทษต่อ จึงเป็น โทษซ้ำซ้อน เท่ากับ ติดคุก 1 วัน เท่ากับ 3 วัน ใน 3 คดี รวมๆแล้ว โทษจำคุกสูงสุดจะเหลือเพียง 5 ปี เท่านั้น หาก เป็นนักโทษชั้นดี สุดท้าย เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ทั้งป่วย ทั้งสูงวัย ได้อยู่ข้างในอีกไม่นาน ได้ออกมาเลี้ยงหลานตาหลานปู่ ดีกว่าอยู่ดูไบแก่ตายแน่นอน ...*...
“บารอน” ต้องเขียนข่าวล่วงหน้า ไม่รู้ว่า “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจพัฒนาที่ดิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะหยิบชิ้นปลามัน ได้รับเสียงโหวตจาก สว. เพียงพอ ผ่านด่าน 375 เสียงรัฐสภาหรือไม่? หลังจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โชว์ผลงานชิ้นสุดท้าย รวบรวมเสียงจาก 11 พรรคการเมือง 314 เสียง นำโดย พรรคเพื่อไทย ต้องการ เสียงสนับสนุน จาก สว.แค่ 61 เสียง เท่านั้น ขึ้นชั้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทันที ...*...
ว่ากันว่างานนี้ ทีมงานเสี่ยนิด วิ่งล็อบบี้ สว.กันตีนขวิด ที่นี่ บารอน ว่า ถ้าระบบเลือกนายกรัฐมนตรี ยังคง ใช้คะแนนเสียงข้างมากในรัฐสภา ก็ยอมรับได้ว่า วิธีการล็อบบี้ เพื่อ ให้ได้มาซึ่งเสียงข้างมาก ไม่ว่า จะมีเสียงเรื่องแจกกล้วย ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ครับ เพราะ อยากที่จะจับให้มั่นคั้นให้ตายได้ ทั้งผู้ให้และผู้รับไม่ยอมรับเสียอย่าง หนทางเดียวที่จะเป็นประชาธิปไตย คือ ให้ประชาชนทั้งประเทศเลือกนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ...*...
แต่กับภาพ 11 พรรคการเมืองร่วมกันจับมือชูตั้งรัฐบาล ไม่เห็นหน้า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมแสดงตนด้วย ให้แค่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ไปแทน ที่นี่ บารอน หาข่าวได้ความมาว่า พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล ให้โควต้ารัฐมนตรีพลังประชารัฐ ที่มี 40 เสียง เพียง 2 รัฐมนตรีว่าการ กับ 2 รัฐมนตรีช่วยฯ ทั้งที่โควตาเดิมได้ 5 รัฐมนตรี สาเหตุ พรรคเพื่อไทย เห็นว่า สว.
สายลุงป้อม มีขนาดย่อมเยาว์ลง เหลือ สว.อยู่ในมือไม่เกิน 27-28 สว. เท่านั้นเอง ...*...
ต่างกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศวางมือการเมืองอย่างแท้จริง ทำให้ สว.สายลุงตู่ ที่ มีอยู่กว่าร้อยเสียง ได้รับสัญญาณไฟเขียว ให้ฟรีโหวต และ มากกว่าครึ่ง หรือเกือบทั้งหมด ยกมือโหวตนายกฯเพื่อไทย ทำให้ 36 เสียง พลังประชารัฐ ถูกจัดที่นั่งใน ครม. 4 เก้าอี้รัฐมนตรี เท่ากับ พลังประชารัฐ ออกมาในรูปนี้ ลุงป้อมย่อมไม่กล้าแบกหน้าไปร่วมชูมือ เหมือนเริ่มต้นก็เริ่มสะดุด จะผ่านหนาวนี้ไปไหมเนี่ย
ที่มา:บารอน (23/8/66)