บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) คาดผลงาน Q3/66 สดใสต่อเนื่อง หลังประเมินปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น อานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นตัว ด้านเอ็มดี "ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย" มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 30% ชี้ครึ่งปีแรกรายได้ค่าผ่านทางโต 45% จากช่วงปีก่อน  ขณะที่บอร์ดใจดีปันผลระหว่างกาลอีก 0.35 บาท/หุ้น เตรียมรับทรัพย์ 8 ก.ย.นี้

ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 น่าจะเติบโตต่อเนื่อง หลังจากประเมินแนวโน้มปริมาณจราจรในไตรมาส 3/2566 พบว่า ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่มีการจำกัดการเดินทางและการล็อคดาวน์อีกต่อไป ซึ่งเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ไปกิจกรรมทุกอย่างจะทยอยกลับไปสู่สภาวะปกติเหมือนก่อนการระบาดของ COVID-19 รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะทำให้อุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง และจะทำให้ปริมาณการเดินทางโดยรวมเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิมีปริมาณการเดินทางที่หนาแน่นใกล้เคียงก่อน การระบาดของ COVID-19 อาจจะทำให้มีการพิจารณาให้กลับมาใช้ อาคาร 1 สนามบินดอนเมืองที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ขณะที่การติดตามแผนการขยายท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 มีความคืบหน้าในการดำเนินโครงการแล้ว แสดงให้เห็นว่าการเดินทางด้วยอากาศยานมีแนวโน้มขยายตัวหลังจากนี้ จะส่งผลให้ปริมาณจราจรบนทางยกระดับดอนเมืองสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กรรมการผู้จัดการ  DMT กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ เติบโตมากกว่า 30% จากปีก่อน โดยครึ่งปีแรกบริษัทฯมีรายได้ค่าผ่านทางแล้ว 1,130.03 ล้านบาท เติบโต 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่  778.34 ล้านบาท พร้อม คาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 คันต่อวัน

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบการจัดสรรกำไรเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181,232,800 หุ้น รวมเป็นงินทั้งสิ้น 826,862,960 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนแรก ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 413,431,480 บาท เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 ดังนั้นบริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 ส่วนที่เหลือในอัตราหุ้นละ 0.35 บาทของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181,232,800 หุ้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 413,431,480 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ของปี 2566  ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 236,246,560 บาท และจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 177,184,920 บาท โดยบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 กันยายน 2566