สอท.จี้รบ.ใหม่เร่งสางปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมมั่นใจ นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท พรรคเพื่อไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีเงินจำนวน 5 แสนกว่าล้านบาท หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ 4-5 รอบ สนค.เผย 6 เดือนแรกปี 66 เงินเฟ้อไทยต่ำเป็นอันดับ 9 ของโลก ที่ 2.49%

     
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนจับตาและเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รอบที่ 3 เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ตามไทม์ไลน์และได้คณะรัฐมนตรีมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาคส่งออกของไทยได้รับผลกระทบติตลบต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามคาดหวัง ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมส่งออกหลายแห่งต้องลดกำลังผลิตลง สตอกอาจล้น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ขณะที่การค้าขายในประเทศก็ซบเซา กำลังซื้อประชาชนน้อยลง ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ส่งผลให้ผู้กู้ SMEs ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่ม หนี้ครัวเรือนก็สูงกว่าร้อยละ 90.6 ดังนั้นจึงต้องควรรีบมีรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายลง และหลังมีคณะรัฐมนตรีแล้วก็ขอให้เร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ และช่วยเหลือ SMEs เป็นอันดับแรก
      
 ส่วนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ของพรรคเพื่อไทย ที่จะให้แก่ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปนั้น ถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี หากสามารถปิดช่องโหว่ให้ผู้ได้รับเงินใช้จ่ายตรงตามวัตถุประสงค์ เพราะจะทำให้มีเงินจำนวน 5 แสนกว่าล้านบาท หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ 4-5 รอบ ซึ่งจะช่วยกระชากเครื่องยนต์เศรษฐกิจให้ติด แต่ทั้งนี้ต้องมีความรัดกุม ไม่ให้เงินหลุดออกไปนอกระบบ หรือหมุนเวียนในระบบเพียงรอบเดียวเหมือนอย่างที่ผ่านๆ มา
     
ส่วน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เงินเฟ้อของโลกในปี 66 ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนแรก ปี 66 ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.49 ต่ำเป็นอันดับ 9 ของโลก จาก 130 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข โดยสาเหตุสำคัญมาจากการดำเนินมาตรการของภาครัฐทั้งมาตรการทางด้านการเงิน การคลัง และมาตรการลดค่าครองชีพอื่นๆ รวมไปถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของหลายเขตเศรษฐกิจทั่วโลก