ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 23 ส.ค. นี้ การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่มี ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. เป็นประธาน จะมีการเสนอวาระการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.คนใหม่ ให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น "ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ"

ก่อนหน้านี้ ศ.คลินิก นพ.สรณ ได้ทยอยส่งหนังสือแจ้งผลการคัดเลือกฯ ไปยังบุคคลที่สมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นเลขาธิการ กสทช. แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า ประธาน กสทช. ขอแจ้งให้ทราบว่า ท่านไม่ได้รับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและขอขอบคุณที่ท่านให้ความสนใจแสดงความประสงค์สมัครเข้ารับการคัดเลือกในตำแหน่งดังกล่าว” ซึ่งเป็นที่กังขาอย่างมากว่า เหตุใดประธาน กสทช จึงตัดสินใจเพียงผู้เดียว โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของบอร์ด กสทช ทั้งคณะ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้สมัครเลขาฯ ส่วนใหญ่ไม่พอใจ จึงได้มีการส่งจดหมายโต้แย้ง ถึง ประธาน กสทช ที่ใช้อำนาจมิชอบแต่เพียงผู้เดียวในการตัดสิทธิ์ผู้สมัครทั้ง 7 ราย โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของกรรมการ กสทช ท่านอื่นๆ ซึ่งเป็นการทำผิดหลักกระบวนการสรรหาเลขาฯ และหลักธรรมาภิบาล

ผู้สมัครรายหนึ่ง มีคำโต้แย้งระบุว่า การพิจารณาคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการโดย ประธาน กสทช. เพียงคนเดียว ซึ่งตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 61 กำหนดให้ การแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. กระทำโดยประธาน กสทช. โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ กสทช. แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการต้องมีลักษณะเป็น "คณะกรรมการ" ประกอบไปด้วย กรรมการ กสทช. จำนวน 7 คน โดยใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายผ่านการ "ลงมติ" โดยที่กรรมการ กสทช. 1 คนมี 1 เสียงในการลงคะแนน และเมื่อที่ประชุม กสทช. ได้คะแนนเสียงข้างมากของกรรมการ กสทช. ผู้มาประชุม หรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ กสทช. ทั้งหมด ฉะนั้นการที่จะตัดสินใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องมีการลงมติ จากคณะกรรมทั้งหมด มิใช่จาก ประธานเพียงแค่ท่านเดียว

ผู้สมัครอีกราย ให้เหตุผลว่า อำนาจในการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. เป็นอำนาจของ กสทช. ทั้งคณะ มิใช่อำนาจของประธานกรรมการแต่ผู้เดียว ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ประกอบกับระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการประชุม การคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. โดยหนังสือแจ้งผลการคัดเลือกดังกล่าวจึงไม่มีผลตามกฎหมาย ดังนั้น จึงขอให้ประธาน กสทช. ดำเนินการแก้ไขกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.ให้ถูกต้องภายใน 15 วัน โดยให้นำรายชื่อผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ ที่ได้มาแสดงวิสัยทัศน์ทุกคนและนำผลเข้าสู่การพิจารณาของ กสทช.ทั้งคณะ ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป