นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.ดี.พูลส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสระว่ายน้ำคุณภาพ เจ.ดี.พูลส์ (J.D.Pools) เผยว่า เจ.ดี.พูลส์ ได้รับการคัดเลือกจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ให้เข้าร่วมโครงการคณะผู้แทนการค้าธุรกิจแฟรนไชส์ไทยไปเจรจาการค้า ในงาน WOFEX 2023 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา
"ตลาดสระว่ายน้ำในฟิลิปปินส์ไม่แตกต่างกับประเทศอื่นๆในอาเซียนในเรื่องการก่อสร้างเพราะค่าแรงยังไม่สูง ด้านเทคโนโลยีสระว่ายน้ำก็ไม่มีอะไรที่โดดเด่นหรือพัฒนากว่าไทย จึงเป็นโอกาสที่เจ.ดี.พูลส์ได้นำโมเดลที่พัฒนาด้วยนวัตกรรมไปนำเสนอ"
สำหรับเป้าหมายของเจ.ดี.พูลส์ในฟิลิปปินส์นั้น นายธนูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องการเร่งหานักลงทุนรายเดียวมาเปิดแฟรนไชส์เจ.ดี.พูลส์ให้ทั้งประเทศ แต่อยากได้เพื่อนร่วมธุรกิจที่สนใจซื้อสินค้าของเจ.ดี.พูลส์ไปใช้ อยากได้พันธมิตรในการช่วยสร้างสระว่ายน้ำให้แทนที่บริษัทจะต้องเอาทีมงานไปสร้างให้ ซึ่งจะทำธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นคง
นายธนูศักดิ์ กล่าวว่า เจ.ดี.พูลส์กำหนดเป้าหมายรายได้จากกลุ่มเก่าคือตลาดบ้านอยู่อาศัยภายใน 5 ปี จะขยายสู่ระดับ 500 ล้านบาท ส่วนกลุ่มใหม่ที่เป็นตลาดโครงการตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี ไว้ที่ 500 ล้านบาทเช่นกัน รวมสองตลาดในปี 2570 เจ.ดี.พูลส์จะมีรายได้ถึงระดับ 1,000 ล้านบาท
นายธนัตถ์ พึ่งเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เจ.ดี.พูลส์ กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีของเจ.ดี.พูลส์ในการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ซึ่งการเข้าร่วมงานครั้งนี้มีนักธุรกิจฟิลิปปินส์ให้ความสนใจเข้ามาเจรจาจำนวนมากเกินความคาดหวัง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจก่อสร้างที่ต้องการระบบก่อสร้างสระว่ายน้ำที่มีนวัตกรรมทันสมัยเข้าไปร่วมในธุรกิจ อีกรายเป็นโครงการรีสอร์ทที่กำลังมองหาสระว่ายน้ำที่มีคุณภาพ และยังมีนักลงทุนระดับใหญ่ของฟิลิปปินส์ที่เข้ามาเจรจาอยากร่วมเปิดแฟรนไชส์เจ.ดี.พูลส์ในฟิลิปปินส์
ทั้งนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้ข้อมูลว่า ระบบแฟรนไชส์ในประเทศฟิลิปปินส์แข็งแรงกว่าไทยมาก เพราะมีแบรนด์ที่เป็นแฟรนไชส์ประมาณ 2 หมื่นแบรนด์ มีสาขารวมกันประมาณ 2 ล้านสาขา เทียบกับไทยที่มีเพียง 7,000 แบรนด์ ดังนั้นฟิลิปปินส์มีธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตมากที่สุดในอาเซียน รองลงมาคืออินโดนีเซีย และมาเลเซีย