วันที่ 22 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า จะมีทั้งฝ่ายสนับสนุนที่จะให้นายเศรษฐา ทวีสินแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย อาจจะต้องอภิปรายว่านายเศรษฐาไม่เหมาะสมอย่างไร ตนคิดว่าต้องทำใจเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตนได้เฉลยข้อสอบไปแล้ว จริงๆการได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เหมือนได้ 100 คะแนนเต็มไว้ก่อนอยู่แล้ว หากวันนี้มีการอภิปราย ตนไม่แน่ใจว่า สส.พรรคก้าวไกล จะอภิปรายนายเศรษฐาอย่างไร รวมถึงฝ่ายสว. ซึ่งบางท่านได้รับข้อมูลที่เป็นเอกสารมาจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ แม้กระทั่งกรณีของนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่ร้องเรียนเรื่องการเก็บค่าผ่านทางในส่วนที่เป็นทางสาธารณะ ตนคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏ และประชาชนยังสงสัย
"ส่วนตัวให้คะแนนร้อยไว้เป็นเบื้องต้น หากอธิบายเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ได้อย่างชัดเจน ก็จะไม่มีการตัดคะแนน และหากอธิบายได้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ด้วย จะไม่มีปัญหากับประเทศของเรา ผมก็ไม่หักคะแนน และเมื่อไม่มีการหักคะแนนเราก็ต้องลงคะแนนให้ ซึ่งวันนี้ สุดท้ายของการตัดสินใจต้องอยู่ที่การอภิปรายของสส. และ สว. ที่จะมีขึ้น"สาวดิเรกฤทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า วันนี้มีกระแสข่าวการแจกกล้วยให้สว.ที่โหวตสูงสุกถึง 30 ล้านบาท และมีการจ่ายล่วงหน้า 6-7 ล้านบาท นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า มันก็เหมือนกับครั้งก่อนที่มีเรื่องกล้วยเข้ามา ที่เป็นการชี้นำในการลงคะแนน ตนไม่ทราบว่าการปล่อยข่าวนี้ใครจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ คนที่จะเลือกนายเศรษฐาอยู่แล้ว ถ้าถูกกล่าวหาว่ารับเงินรับทองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ก็อาจจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริง ความลับไม่มีในโลก
เมื่อถามว่า สว.ซื้อได้หรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีใครน่าจะทำอย่างนั้น ถ้าไปรับเงินรับทองโดยวิจารณญาณที่ไม่สุจริต ตนคิดว่าด่างพร้อย คิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะ และตำนานของตัวเองอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เท่าที่มองและยังไม่ได้รับฟังการอภิปรายเพิ่มเติม ขณะนี้ส่วนตัวตอนนี้ให้กี่คะแนน นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ตนได้บอกแล้วว่าเฉลยข้อสอบไปแล้ว 314 เสียง เสนอชื่อนายเศรษฐา และมีการแถลงข่าวความร่วมมือปรองดองไปยังประชาชน ซึ่งก็ได้ร้อยคะแนนเต็มแล้ว แล้ววันนี้มาฟังในสองเรื่อง คือ เรื่องที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด เพราะเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ เพราะคนที่จะเป็นนายกฯ มีเรื่องด่างพร้อยไม่เอา อีกเรื่องคือเรื่องนโยบายที่ประกาศว่าหากเป็นนายกฯ จะยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า โดยจะให้มีส.ส.ร.มาร่าง ตนคิดว่าเรื่องนี้ก็ต้องแสดงเหตุผล และต้องเป็นเหตุผลที่มีประโยชน์กับประชาชน
เมื่อถามว่า ในฐานะคนใน นายเศรษฐาขาดอีกแค่ 50 - 60 เสียง มีความเป็นไปได้ที่จะโหวตผ่านหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้สว.มี 249 คน ตนคิดว่าหลายคนอยากให้บ้านเมืองเดินต่อได้ และเคารพกติกาประชาธิปไตย อะไรที่สนับสนุนได้ ให้กลไกรัฐสภาเดินได้ ให้เป็นที่เชื่อถือของพี่น้องประชาชนก็ควรดำเนินการตามนั้น
เมื่อถามย้ำว่า เท่าที่ฟังดูคิดว่าน่าจะผ่านใช่หรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าภาพรวมน่าจะผ่าน แต่ยังไม่อยากยืนยัน เพราะตนเป็นแค่หนึ่งเสียง และการฟังการอภิปรายวันนี้อย่างน้อย 5 ชม. ก็จะเป็นข้อมูลล่าสุดที่ใช้ประกอบการตัดสินใจสุดท้าย
เมื่อถามว่า ประเด็นของนายชูวิทย์ ที่จะไปยื่นเรื่อง และเกิดคดีความต่างๆตามมา หากนายเศรษฐาโหวตผ่านแล้วจะพิจารณาอย่างไร นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องของศาล เรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งไม่เกี่ยวกัน เพียงแต่เรื่องของนายเศรษฐาในกรณีของนายเรืองไกร ได้มีการยื่นต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ว่านายเศรษฐาไม่เหมาะสมอย่างไร ซึ่งกมธ.ได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกรมที่ดิน ก็ได้ตอบมาแล้ว ซึ่งคาดว่าในวันนี้นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. คงจะได้อภิปรายในเรื่องนี้