"ศรีสุวรรณ"ยื่น"ป.ป.ช."สอบจริยธรรม "หมออ๋อง" ใช้งบฯ เลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาฯ เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง แนะคืนเงินสภาฯ จ่อร้อง"สตง."เพิ่ม ด้าน"ปดิพัทธ์" ไม่กังวลถูกยื่นสอบ ชี้ไม่ได้อยู่ในช่วงเลือกตั้ง ขณะที่ "เท่าพิภพ" ลั่นอยากรู้เดี๋ยวจัดให้ เตรียมสอบงบฯจัดเลี้ยง "ปธ.-รองปธ.สภา"ย้อนหลัง


 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 21 ส.ค.66 นายศรีสุวรรณ จรรยา  ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวน ตรวจสอบ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.ก้าวไกล และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เพื่อวินิจฉัยกรณีใช้งบประมาณสำหรับการรับรองแขกมาจัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านรัฐสภา 370 คน ว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 184-185 ซึ่งเป็นข้อห้ามมิให้ ส.ส.หรือส.ว. กระทำการใดหรือรับผลประโยชน์ใด ๆ จากหน่วยงานของรัฐ อันเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่เพราะจะเข้าข่ายเป็นผลประโยชน์ขัดกัน เพราะเงินที่นำมาใช้เลี้ยงกลุ่มแม่บ้านดังกล่าวเป็นเงินจากภาษีของประชาชน

 นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่รองประธานสภาคนที่ 1 มีน้ำใจ หน้าใหญ่ใจโตเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านรัฐสภา เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เงินงบประมาณที่สำนักงานจัดไว้ให้ เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรองประธานสภาในการใช้เพื่อการรับรองแขก จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินค่าใช้จ่ายในการรับรองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ปี 2519 นั้นระบุชัดว่า ค่ารับรองนั้น หมายความว่า ค่าเลี้ยงรับรอง ค่าของขวัญค่าพิมพ์เอกสาร และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายที่เกี่ยวกับการรับรองเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง หรือเพื่อเกียรติแห่งประธานรัฐสภา เท่านั้น 

 อีกทั้งต้องเข้าใจว่าแม่บ้านเหล่านี้เป็นลูกจ้างของบริษัทต้นสังกัดอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ราชการแต่อย่างใด ดังนั้นการดำเนินดังกล่าวมาใช้น่าจะเข้าข่ายการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ อาจผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151, 152 และ 157 ซึ่งตนทราบว่าทางกรมบัญชีกลางได้ส่งหนังสือมายังรัฐสภาแล้ว โดยย้ำว่าประธานสภาและรองประธานสภามีอำนาจในการใช้เงินนี้ในการรับรองได้มากเพียงใด และตนก็ได้ทำเรื่องขอหนังสือดังกล่าวไปยังกรมบัญชีกลางอีกทางหนึ่งแล้ว

 เบื้องต้นก็พิจารณาแล้วเห็นว่าการใช้เงินดังกล่าว ในลักษณะดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้อง ก็มันเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว รวมทั้งของพรรคการเมือง ของรองประธานสภาคนที่ 1 เนื่องจากว่ามี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล เข้ามาเป็นผู้ประสานงานครั้งนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็น สส. แต่เป็นคณะผู้บริหารของพรรคก้าวไกล แล้วตัวรองประธานสภาคนที่ 1 ก็เป็นผู้บริหารของพรรคก้าวไกล 

 ดังนั้น จึงเข้าใจได้ว่าเป็นการใช้เงินภาษีของแผ่นดินเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และพรรคการเมืองที่ตนสังกัดอยู่ ซึ่งถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติไว้ แล้วจะเห็นว่ามีชื่อท่านอยู่ในคูปองก็ถือเป็นพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช.จะใช้ ซึ่งตนก็แนบให้แล้ว ถ้าจะอ้างว่าเป็นคนอื่นทำหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ชื่อท่าน และลายเซ็นท่านปรากฏอยู่ในคูปองด้วย ก็ต้องอธิบายชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ต่อไป จึงเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ชในการดำเนินการไต่สวนวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดจริยธรรม อย่างร้ายแรงหรือไม่ โดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมาเหนือผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งกำหนดไว้ในมาตรฐานจริยธรรม หากเห็นว่าผิดก็ส่งศาลฎีกาพิจารณาต่อไป

 เมื่อถามว่า หากนายปดิพัทธ์นำเงินส่วนตัวมาคืน จะทำให้พ้นข้อครหา ไม่ต้องถูกตรวจสอบแล้วหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้าคืนเงินก็จบ จริงๆ เงิน 2 แสนกว่าบาทก็น่าจะเอามาคืนได้ เพราะนี่เป็นการใช้งบแผ่นดินเอกเทศ คืนก็จบ ยิ่งจะได้ภาพลักษณ์ที่ดีกลับมาว่าเป็นคนมีน้ำใจอยากเลี้ยงแม่บ้านจริงๆ ก็ควักเงินตัวเองมาเลี้ยง ทั้งนี้หากไม่คืนเงิน ตนจะเดินทางไปร้องต่อ สตง.เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย คาดว่าจะไปในวันที่ 24 ส.ค.นี้ แต่ขอดูท่าทีนายปดิพัทธ์ก่อน

 ด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.ก้าวไกล และรองประธานสภาฯ คนที่1  กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณยื่นร้องป.ป.ช. ตรวจสอบการใช้งบรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ในการเลี้ยงหมูกระทะ แม่บ้านรัฐสภา 370 คน อาจเข้าข่ายการกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ ว่า เรื่องนี้มันเถียงกันจบแล้ว แต่ก็มองว่านายศรีสุวรรณมีสิทธิ์ร้อง และนักการเมืองทุกคน ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นก็ให้ว่ากันไป แต่ส่วนตัวไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อตำแหน่งรองประธานสภาฯ และเป็นที่ชัดเจนด้วยว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นคำถามใหญ่ ขององค์กรและหน่วยงานต่างๆอีกมาก ตนขอยืนยันว่าแม่บ้านและพ่อบ้านรัฐสภาทุกคนเป็นแขก

 เมื่อถามว่า เป็นการใช้งบประมาณรัฐเพื่อเรียกคะแนนเสียงให้กับตัวเองนั้น นายปดิพัทธ์ ถามกลับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเลือกตั้งหรอ ใช้กติกาของการหาเสียงเลือกตั้งใช่หรือไม่ นักการเมืองหลายคนก็เลี้ยงข้าวคนเยอะไปหมด และตนก็ไม่ได้จัดงานในลักษณะที่แสดงออกว่าเป็นพรรคการเมือง จึงไม่ต้องกังวลในข้อกฎหมายนี้ ทุกอย่างเป็นการดำเนินการตามระเบียบของราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประธานกรรมาธิการหลายคนก็มีงบประมาณในการรับรอง ข้าราชการระดับสูงบางคนก็มี ซึ่งแต่ละองค์กรมีระบบเบิกจ่ายที่ไม่เหมือนกัน ตามระเบียบของแต่ละองค์กร แต่ส่วนตัวในการเลี้ยงข้าวแม่บ้านได้วางแผนมาเป็นเดือนแล้ว ไม่ใช่เมื่อเช้าอยากกินแล้วตอนเย็นมากินกัน
   
  ส่วน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวในประเด็นนี้ ว่า หากสังคมยังสงสัยและอยากรู้ เกี่ยวกับงบรับรองของประธานและรองประธานสภาฯ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ตนจะจัดให้ จะไปไล่งบฯดู น่าจะมีเด็ดๆเยอะกว่านี้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณที่มีการตรวจสอบพรรคก้าวไกล
 
"ถ้าทุกหน่วยงานสนใจตรวจสอบการ ทำงานของข้าราชการและนักการเมือง ให้ได้เหมือนอย่างตรวจสอบพรรคก้าวไกล ประเทศไทยคงเจริญไปนานแล้ว"